‘สันธนะ’รอดคุก! ศาลยกฟ้องขวาง จนท.ค้นตลาดใหม่ดอนเมือง
19 ธ.ค.61 เวลา 09.30 น.ที่ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีต่อสู้ขัดขวางดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 9 (ดอนเมือง) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย หรือ อดีต พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 59 ปี อดีตรอง ผกก.สันติบาล ประธานที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ กรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ค.61นายสันธนะ ได้ขัดขวาง ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง โดยนายสันธนะ ซึ่งได้รับการประกันตัว เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์นำสืบมีประเด็นวินิจฉัยว่า จำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานหรือไม่ เห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการแสดงกริยาท่าทาง พร้อมแสดงหนังสือ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ออกสถานที่ แต่เมื่อพิจารณาเหตุว่าจำเลยมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าของพื้นที่ และผู้บริหารผู้บริหารบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ได้โทรเเจ้งจำเลยเเละบอกกล่าวให้จำเลยไปดำเนินการบอกกล่าวให้ตำรวจออกไปจากพื้นที่ การที่จำเลยเเสดงอาการท่าทาง พร้อมชี้นิ้วเเม้จะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายออกจากพื้นที่ เเต่จำเลยก็ไม่ได้มีการเเสดงท่าทางอื่นที่เป็นการข่มขู่คุกคาม ตรงนี้ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ส่วนประเด็นว่าเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ศาลเห็นว่าการดูหมิ่น จะต้องเป็นคำพูดลักษณะที่ดูหมิ่นเหยียดหยามให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายการที่ จำเลยใช้เสียงดังพร้อมชี้นิ้ว ที่หน้าอก เเม้มีการเเสดงท่าทางประกอบ เป็นเพียงกริยาที่ไม่สุภาพเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการเหยียดหยาม เจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่ พิพากษายกฟ้อง
ด้านนายสันธนะ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า กระบวนการที่ถูกกล่าวหาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ข้อพิรุธในศาล ศาลท่านให้ความเมตตาตนในการสู้คดีเต็มที่ ตนพกความมั่นใจมา 99% คดีวันนี้ข้อหาดูหมิ่นขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติตามหน้าที่ คำว่าตามหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย การกล่าวหาตนโดยให้ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง เป็นผู้กล่าวหานั้น ถ้าตนผิดจริงไม่ต้องให้ พล.ต.ต.นราเดช กล่าวหาคนเดียว ตำรวจทั้ง สตช.กล่าวหาได้เลย
นายสันธนะ กล่าวอีกว่า ตนเป็นตำรวจมาก่อน คนแต่งเครื่องแบบมาปฏิบัติหน้าที่มีหรือตนจะไม่ให้เกียรติ ถ้าทำตามกฎหมายตนพร้อมยอมรับ การแจ้งความใส่ร้ายทำให้สังคมมองตนไม่ดี แต่ถ้าตนถูกลงโทษก็พร้อมรับ เผื่อใจไว้ 1% เหมือนกัน เพราะขณะนี้ประเทศบริหารด้วยอำนาจพิเศษ ตนก็จะสู้ต่อไปในกระบวนการ ทั้งนี้ ไม่ได้สู้ด้วยปากเปล่า มีพยานเอกสารนำสืบให้ศาลเห็นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีข้อพิรุธที่ตนชี้ให้เห็นว่าบันทึกประจำวันมีการแก้ไขขีดลบ เอามาส่งศาลเป็นเอกสารเท็จ หลังพิพากษาแล้วต้องกลับไปถึงทุกคนแน่ เพราะคดีมาถึงศาลต้องการให้ตนต้องโทษจำคุก วันพฤหัสบดีหน้า (27 ธ.ค.) ตนจะไปฟ้อง 18 จำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
# แฟ้มภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี