ปี่กลองการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เริ่มขยับกันแล้ว มีเรื่องให้ได้ฮากันบ้างเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นสีสัน เรื่องที่น่าจะฮามากหน่อย เห็นจะเป็นเรื่องการจองเก้าอี้รัฐมนตรี เท็จจริงใครพูดอย่างไรไม่ทราบ ทราบแต่ว่ามีการกล่าวอ้างว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน ขอจองเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะถนัดกว่ากระทรวงพาณิชย์ แถมยังจองซื้อเฮลิคอปเตอร์ไว้ 2 ลำ เพื่อจะได้บินไปแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว...ฮาไหมล่ะ....
วันรุ่งขึ้นมีลูกพรรคมาปฏิเสธว่า ไม่ได้จองเก้าอี้รัฐมนตรี และไม่ได้จองเฮลิคอปเตอร์ใดๆทั้งสิ้น แต่พูดถึงความเหมาะสม เพราะสมศักดิ์ เทพสุทิน เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาก่อน สร้างผลงานไว้มากมาย....
พูดถึงผลงานของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ สมศักดิ์ เทพสุทิน ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ คงซาบซึ้ง และจดจำได้เป็นอย่างดี....แต่ข้าราชการเหล่านั้นก็เกษียณอายุราชการไปเกือบหมดแล้ว..ล่าสุดก็ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ ชวลิต ชูขจร ที่เพิ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2561 นี่เอง....
กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง คงมีเรื่องฮาๆ อีกมาก...ขณะเดียวกันข้าราชการทั้งหลาย ก็ดูเหมือนจะร้อนๆ หนาวๆ เกรงว่าบรรยากาศการทำงานแบบเดิมๆ สไตล์ของนักการเมือง และพรรคการเมืองเก่าๆ จะกลับมาอีก...
มาเรื่องราวของปัจจุบันดีกว่า...รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กฤษฎา บุญราช เสือยิ้มยาก ท่าทางจะยิ้มออก เมื่อราคายางที่ตกต่ำมานาน และราคาปาล์มน้ำมันที่เพิ่งจะตกต่ำในปีนี้ ขยับขึ้นมาเล็กน้อย
ท่านรัฐมนตรีบอกว่าที่ราคายางขยับขึ้น เป็นเพราะโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล 1 หมู่บ้าน1 กิโลเมตร คือการทำถนนด้วยน้ำยางสดผสมดินซีเมนต์ตามสูตรของกระทรวงคมนาคมที่เพิ่งส่งให้กระทรวงเกษตรฯ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งรัฐบาลขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 7,851 แห่ง ทั่วประเทศ ให้การสนับสนุนการทำถนนดังกล่าวอย่างน้อยหมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร
ทั้งนี้กรมบัญชีกลางได้กำหนดราคากลางถนนยางพาราผสมดินซีเมนต์ไว้ที่ กิโลเมตรละ1.2 ล้านบาท สำหรับกรณีจ้างเหมา หรือกิโลเมตรละ9 แสน-1 ล้านบาท ในกรณีดำเนินการเอง โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถซื้อน้ำยางสดจากสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชนชาวสวนยางที่การยางแห่งประเทศไทยรับรองได้โดยตรง งานนี้คาดว่าจะใช้น้ำยางสดไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านตัน
อีกโครงการหนึ่งคือ โครงการช็อปช่วยชาติแต่ช็อปรายการนี้ค่อนข้างใหญ่หน่อย..ชาวบ้านทั่วไปคงช็อปไม่ได้.....กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการคลัง จึงเชิญชวนให้บริษัทผลิตล้อยางที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย เป็นผู้ร่วมโครงการช็อปช่วยชาติเป็นเวลา 1 เดือน ระหว่าง 15 ธันวาคม 2561-15 มกราคม 2562 ด้วยการซื้อยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งขณะนี้มีบริษัทผลิตล้อยางจำนวน 5 บริษัท ที่เข้าร่วมโครงการ ปริมาณยางที่จะรับซื้อจากเกษตรกรรวมประมาณ 1,706 ตัน คาดว่าจะมีบริษัทเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีก
โครงการช็อปช่วยชาติ เป็นโครงการชั่วคราว อาจจะดึงผลผลิตยางออกจากเกษตรกรได้ไม่มากนัก รัฐบาลน่าจะหาทางกำหนดเงื่อนไขแบบถาวร เป็นโควตาสำหรับบริษัทผู้ผลิตล้อยาง
ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย ว่าจะต้องอุดหนุนผลผลิตยางภายในประเทศเป็นอัตราส่วนเท่าไร หรือบริษัทที่ไม่มีฐานผลิตในประเทศไทยก็ตาม ถ้านำผลิตภัณฑ์ยางมาจำหน่าย บริษัทแม่ต้องอุดหนุนผลผลิตยางของไทยในอัตราส่วนตามที่นำเข้าผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในประเทศ....ทำอย่างว่าได้หรือไม่ กยท. ช่วยหาทางหน่อย....
เหนือสิ่งอื่นใดที่อยากเห็น บริษัทที่ประกอบธุรกิจเกษตรยักษ์ใหญ่ของไทย ได้ประโยชน์จากการขายกล้ายางก็ไม่น้อย ลงทุนธุรกิจเครือข่ายโทรศัพท์ก็แล้ว ลงทุนประมูลสัมปทานรถไฟไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่านับแสนล้านก็ทำแล้ว ทำไมไม่ลงทุนสร้างโรงงานผลิตล้อยาง หรือผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ขึ้นภายในประเทศบ้าง..ทำให้ครบวงจรเลย เริ่มตั้งแต่ผลิตกล้ายาง ปลูกยาง ผลิตน้ำยาง ยางแท่ง ยางแผ่นและแปรรูปยาง จะสร้างงานให้คนในประเทศได้อีกเยอะเลย....
สำหรับปาล์มน้ำมันที่ราคาขยับตัวสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 3 บาทนั้น โฆษกรัฐบาล บอกว่าเป็นผลมาจากรัฐบาลให้โรงงานไฟฟ้าบางปะกงใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า 1.6 แสนตัน เป็นเวลา 6 เดือน ส่งผลให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี มั่นใจในแนวทางของรัฐบาล รับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น
แต่ตอนนี้ฝนตกน้ำท่วมภาคใต้เสียแล้ว สุราษฎร์ธานีก็เดือดร้อนไม่น้อย ไม่รู้ว่าจะกระเทือนถึงปาล์มและยางอีกหรือไม่ มีข่าวดีให้สุขใจได้ไม่นาน ข่าวร้ายก็มักจะมาเยือนทุกที.....ต้องรอกันยาวไปเสียละกระมัง...กว่าเกษตรกรจะสุขใจได้ยาวนานข้ามปี
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี