สั่งดูแลเข้ม24ชม.
บิ๊กป้อมกำชับจนท.ช่วงปีใหม่
ตื่นตัว-ไม่ประมาท
ป้องกันเหตุไม่สงบ
“บิ๊กป้อม” ย้ำเหล่าทัพดูแลความปลอดภัย 24 ชม.ช่วงปีใหม่ กำชับเจ้าหน้าที่ตื่นตัว ไม่ประมาท เข้มทั้งปัจจัยภายใน-นอกประเทศ ที่จะทำให้เกิดความไม่สงบ ขณะที่เหยื่อเมาแล้วขับ หนุน สธ.ตรวจเลือดวัดแอลกอฮอล์ในอุบัติเหตุทุกราย ลดอุบัติ-สูญเสีย
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมสภากลาโหม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ในการร่วมกันดูแลความปลอดภัยในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงและส่วนราชการต่างๆ ดูแลความมั่นคงปลอดภัยทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมงต่อเนื่องกันไปช่วงเทศกาลปีใหม่
“โดยพล.อ.ประวิตรย้ำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัวและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เฝ้าระวังทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง ให้มีกำลังเตรียมพร้อมเข้าปฏิบัติการคลี่คลายปัญหาในทุกระดับ พร้อมขอให้คุมเข้มมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด อาวุธสงคราม คนและสินค้าผิดกฎหมายข้ามแดน ต่อเนื่องกันไป ส่วนการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ขอให้สนับสนุนการทำงานของทุกส่วนราชการในพื้นที่ในการแก้ปัญหาจราจรและการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อลดการบาดเจ็บและสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น”โฆษกกระทรวงกลาโหม ย้ำ
ทั้งนี้ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่าในการมอบของขวัญให้กับประชาชน โดยกระทรวงกลาโหม ระหว่างเทศกาลขึ้นปีใหม่ กระทรวงกลาโหมโดยทุกเหล่าทัพได้จัด ของขวัญปีใหม่ 2562 เพื่อเติมความสุขให้กับประชาชน จากใจทหาร ระหว่าง 27 ธ.ค.- 2 ม.ค.62 ใน 3 กลุ่มหลัก โดยกลุ่มแรก 1งานสร้างหลักประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยจัดเตรียมกำลังปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวัง ตลอด 24ชั่วโมงในการดูแลความมั่นคงปลอดภัย ทั้งพื้นที่ชายแดนทางบก ทางน้ำและกำลังทางอากาศและพื้นที่เขตเมือง โดยดูแลประชาชนในพื้นที่ชั้นในต่อเนื่องในทุกพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน
กลุ่มที่ 2 งานบริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ระหว่างเทศกาล โดยตั้งจุดบริการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว การบริการทางการแพทย์ ตรวจสภาพและซ่อมแซมยานพาหนะตามถนนสายหลักที่ติดหน่วยทหาร เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยสนับสนุนทุกส่วนราชการในการดูแลและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งเส้นทางสายหลัก สายรองและพื้นที่จัดงานสำคัญ การบริการประชาชน การเปิดแหล่งท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ในเขตทหารทั่วประเทศให้ประชาชนเข้าชม โดยไม่คิดค่าบริการ การแสดงดนตรีและสันทนาการ
และกลุ่มที่ 3 การช่วยเหลือประชาชน โดยจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวทางทะเล การช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยเปิดพื้นที่ของหน่วยทหาร ในการจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคราคาถูก เพื่อลดค่าครองชีพ ทั้งหมด คือหลักประกันความมั่นคง ปลอดภัย และการเติมความสุขให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
พล.ท.คงชีพ ยังกล่าวเชิญชวนประชาชน“ส่งใจรักให้ทหาร” เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่และเป็นกำลังใจให้เหล่าทหารชายแดน เนื่องจากภารกิจของทหาร เป็นงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อนำมาซึ่งความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชน โดยกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ คือ คนรักของครอบครัว ลูกหลาน พี่น้อง และญาติของเราคนไทยทุกคน เขาเหล่านั้น ได้เสียสละทุ่มเท ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ เผชิญอยู่ท่ามกลางภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยกับประชาชน
ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วม“ส่งใจรักให้ทหาร” ในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อร่วมเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพี่น้องทหาร ผ่านสื่อต่างๆ เช่น ส.ค.ส.ปีใหม่ อวยพรปีใหม่ ,จดหมายร่วมพูดคุยให้กำลังแก่ทหาร,การส่งของขวัญเป็นขวัญกำลังใจ ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ได้สนับสนุนกระทรวงกลาโหมทุกปีให้ประชาชนสามารถส่งกำลังใจให้ทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังป้องกันชายแดนทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ โดยระบุมุมซองหรือพัสดุ น้ำหนักไม่เกิน 5 กก.ว่า“ราชการสนามชายแดน”
กกล.นเรศวร ค่ายวชิรปราการ จ.ตาก 63000 ,กกล.ผาเมือง จ.เชียงใหม่ 50300 ,กกล.สุรนารี ค่ายวิรวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์ 32000.,กกล.สุรศักดิ์มนตรี ค่ายพญาสุนทรธรรมธาดา จ.อุดรธานี 41000 , กกล.บูรพา บ.เสาสูง จ.สระแก้ว 27120 ,กกล.สุรสีห์ ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี 711907. ,กกล.เทพสตรี ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร จ.นครศรีธรรมราช 80310 กอ.รมน.ภาค 4 สน. ตู้ ปณ.131 จ.ยะลา 95000 ,กอ.รมน.ภาค4 สน. ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 96140 ,ฉก.ยะลา ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 96410 , ฉก.ปัตตานี ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 94170,ฉก.นราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส 96000
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน การประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหล่าทัพ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นๆที่ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่าโดย เลขาธิการ คสช.ได้นำความปรารถนาดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.มอบให้กับเจ้าหน้าที่ทุกส่วน โดยขอให้ใช้เวลาในช่วงเทศกาลอย่างมีความสุข ควบคู่ไป กับมีความเข้มแข็ง ปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบ ในการดูแลพื้นที่ ดูแลประชาชน ตามมาตราของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งในเรื่องรักษาความปลอดภัยสถานที่ท่องเที่ยว และ สถานที่สำคัญ ติดตามสถานการณ์ การจัดตั้งจุดบริการประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ เลขาธิการ คสช.ยังได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำรงความเข้มแข็งในมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดรวมถึงสินค้าเกษตรที่ลักลอบเข้าไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นางสาวภาวินี ซุ่นสั้น ลูกสาว ดาบตำรวจ อนันต์ ซุ่นสั้น เหยื่อเมาแล้วขับเสียชีวิต 5 รายที่จังหวัดตรังเมื่อปี 2560 พร้อม นางรัชฐิรัชฎ์ ซุ่นสั้น ภรรยา ผู้เสียชีวิต และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เข้าพบ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เพื่อสนับสนุนมาตรการตรวจเลือดวัดปริมาณแอลกอฮอล์กรณีเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกทุกรายของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดย น.ส.ภาวินี ระบุว่าตนเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ สูญเสียพ่อ เพราะถูกคนเมาขับรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่ ทุกวันนี้ ยังทำใจยอมรับไม่ได้ จึงอยากช่วยรณรงค์ให้คนตระหนักถึงปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากไม่อยากเห็นความสูญเสียเกิดขึ้นซ้ำซาก ยิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้ถึง จึงอยากมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมถึงการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ จึงสนับสนุนมาตรการตรวจเลือดเพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์กับผู้ประสบอุบัติเหตุจราจรทางถนนทุกราย เนื่องจากที่ผ่านมา เกิดปัญหาหลายรายหัวหมอ ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์และใช้ช่องว่างของกฎหมายที่จะบ่ายเบี่ยง เป็นช่องทางวิ่งเต้น เพราะโทษความผิดจะสูงกว่า หากทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกสูงสุด 10ปี ปรับสูงสุด 2 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และศาลมีสิทธิ์ พัก หรือ ถอนใบอนุญาตขับรถได้
“ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เป็นช่วงเดินทาง และมักมีอุบัติจากการเมาแล้วขับจำนวนมาก อยากให้นโยบายตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุทางถนนเป็นจริงในทางปฏิบัติทุกราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งหนังสือมาที่สถานพยาบาล เพื่อเจาะเลือดส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ หากพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด มีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเมาสุรา มาตรการนี้ ส่งผลต่อการป้องปรามผู้ขับขี่และลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วยถ่วงดุลการทำงานระหว่างสาธารณสุขและตำรวจ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข หมอ พยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองต่างๆ ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการรับมืออุบัติเหตุจราจรช่วงปีใหม่นี้ด้วย” น.ส.ภาวินี ย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี