กษ.ลงนาม3ฝ่ายรับซื้อข้าวโพดทุกเมล็ด ราคาประกันไม่ต่ำกว่า8บาท/กก.

กษ.ลงนาม3ฝ่ายรับซื้อข้าวโพดทุกเมล็ด ราคาประกันไม่ต่ำกว่า8บาท/กก.

วันพุธ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561, 17.07 น.

"กษ.ลงนาม 3 ฝ่าย รับซื้อข้าวโพดทุกเมล็ด ราคาประกันไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อกก. ตั้งจุดรับซื้อทุกอำเภอ ในพื้นที่ปลูก 37 จว.ตั้งเป้าแก้ปริมาณข้าวล้นตลาดกว่า 1 ล้านตัน "

26 ธ.ค.61 นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนปลูกข้าวโพด(เลี้ยงสัตว์)หลังนา ว่าเป็นนโยบาย ของนายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรฯได้บูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรสามารถเลือกพืชปลูกหลังฤดูทำนา โดยโครงการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หลังทำนา ในปี2561 ได้มีการวางแผนปลูกข้าวรอบแรก ให้ปลูกเต็มพื้นที่กว่า 58 ล้านไร่ ได้ผลผลิต 24 ล้านตันข้าวเปลือก ในการประเมินของคณะกรรมการแผนข้าวครบวงจร ซึ่งในรอบสอง นาปรังมีเกษตรกรปลูกข้าว 13.31 ล้านไร่ ผลผลิตข้าว 9 ล้านตัน รวมแล้วกว่า32 ตันข้าวเปลือก 


ทั้งนี้ รัฐบาลมีแนวทางดูแลเรื่องเสถียรภาพราคาข้าว สร้างความมั่นใจเกษตรกร หากปลูกข้าวไม่เกินบริโภคภายในประเทศและส่งออก จึงได้กำหนดพื้นที่ปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาเป้าหมาย2 ล้านไร่ โดยล่าสุดมีเกษตรกรเข้าร่วมแล้ว 95,620 ราย เป็นพื้นที่ 807,155 ไร่ คิดเป็น 74% ของโครงการ โดยเกษตรกรยังเข้าร่วมได้ถึง15 ม.ค.62 ระยะเวลาปลูก 120 วัน เก็บเกี่ยวได้ก่อนฤดูฝนจะทำให้ผลผลิตข้าวโพดมีคุณภาพสูง และเพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ยังแก้ปัญหาความขัดแย้งแย่งใช้น้ำทำนาช่วงหน้าแล้งได้ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายลดปริมาณข้าวได้กว่า 1 ล้านตัน จะทำให้ผลผลิตข้าวสมดุลไม่ล้นตลาด 

"โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ไประดับหนึ่ง ทำให้ราคาข้าวเก็บเกี่ยว ได้ราคาน่าพอใจ ส่วนเกษตรกรชาวนาจะเลือกปลูกข้าวโพดหรือไม่ เป็นการตัดสินใจเอง ขณะนี้ขยายพื้นที่ไปถึง 37 จังหวัด เกษตรกรมีความประสงค์เข้าร่วม และสภาพดิน น้ำ มีความเหมาะสม ไม่ขาดน้ำในช่วงข้าวโพดออกดอก จะได้ผลผลิตได้กว่า1 ตันต่อไร่  จึงเป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญในปีต่อไปโดยการสนับสนุนภาครัฐ เอกชน มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เป็นแนวความคิดใหม่ไปช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ และเรื่องราคาขายเกษตกรต้องได้ไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อกก. ทำให้มีกำไรมากกว่าทำนาปรัง ซึ่งจะเป็นการบริหารแผนการผลิตสินค้าเกษตรทุกชนิด ให้เกิดศักยภาพตรงตามความต้องการใช้ภายในประเทศ เช่นข้าวโพดต้องการปีละ8 ล้านตัน ผลิตได้ 5 ล้านตัน โดยยังขาดข้าวโพดถึง 3 ล้านตัน  ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ส่วนปาล์มน้ำมัน ยางพารา จะใช้แนวทางนี้เพื่อเกิดความยั่งยืนมากกว่าพึ่งพาตลาดภายนอกประเทศ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลอย่างเข้มงวดห้ามมีการลักลอบขนสินค้าเกษตรเข้าไทยอย่างเด็ดขาด เชื่อมั่นได้ว่าปัญหาการลักลอบนำสินค้าเกษตรตามแนวชายแดนไม่มี "นายลักษณ์ กล่าว

ด้านนายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่าขณะนี้มีเกษตรกรแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ 1.2 ล้านไร่ ตอนนี้เข้าโครงการแล้ว 8 แสนไร่ มีความต้องการในเรื่องสินเชื่อ 5 หมื่นราย ซึ่งเกษตรกรที่เข้าโครงการจะไม่นำปัญหาหนี้เก่าขึ้นมาพิจารณา โดยเกษตรกรขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้ทุกรายเพราะเป็นนโยบายของรัฐ ซึ่งมีผู้รับซื้อทุกอำเภอวางจุดรับซื้อแล้ว 

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่าสหกรณ์ ได้ตั้งจุดรับซื้อ 262 แห่ง และในส่วนพื้นที่ไม่มีสหกรณ์ เอกชนได้ประสานตั้งจุดรับซื้อแล้ว32 จุด ดังนั้นผลผลิตข้าวโพดทุกเมล็ดมีผู้รับซื้อในพื้นที่ จึงไม่มีปัญหาหาที่ขายไม่ได้ หรือต้องขนไปขายข้ามจังหวัดแน่นอน

นายบุญธรรม อร่ามศิริวัฒน์ เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่ารับประกันราคาซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อกก.แน่นอน  เพราะขณะนี้วัถตุดิบไม่พอผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์  ในส่วนปัญหาสงครามการค้าโลก ยังไม่ผลกระทบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เริ่มมีผลกระทบถั่วเหลืองเท่านั้น แม้ว่าประเทศสหรัฐฯมีราคาข้าวโพด 4-5 บาทต่อกก.ต่ำกว่าไทย ซึ่งทั้ง ประเทศจีน และสหรัฐ มีการปลูกข้าวโพดมีคุณภาพและได้ผลผลิตจำนวนมาก  ถ้าเรามีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับการเกษตร  จะตอบโจทย์ในเรื่องประสิทธิภาพของผลผลิตการเกษตรของไทยมีคุณภาพสามารถแข่งขันตลาดโลกได้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top