เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการวางมาตรการป้องกันและปราบปรามเว็บไซต์ที่ขัดต่อความเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี เตรียมพร้อมรับมือภัยไซเบอร์ และสร้างการรับรู้แก่ประชาชนถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ว่า คดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น มีการอำพรางตัวตน ใช้การชำระเงินผ่านอีวอลเล็ท หรือสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อมาก ดีเอสไอ เล็งเห็นความสำคัญจึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการปิดกั้น โดยทำงานเชิงรุก เปิดเวทีให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมควบคุมและตรวจสอบ
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้สรุปข้อมูลการรับร้องเรียน จึงขอแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ ให้ข้อมูลเพื่อรู้เท่าทันการหลอกลวง การซื้อขาย การชำระเงินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ควรระมัดระวัง มีการตรวจสอบให้แน่ชัด หากไม่มั่นใจขอให้ตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแล นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังการหลอกลวงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น การปลอมอีเมล หรือการลักลอบเข้าถึง หรือแฮกบัญชีของบุคคลอื่น ใช้ในการกระทำผิด ทั้งนี้ หากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำผิดลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งมายังดีเอสไอ ผ่านสายด่วน 1202 หรือเว็บไซต์ www.dsi.go.th หรือติดต่อได้ที่ดีเอสไอ โดยตรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี