มท.1 ประชุม บกปภ.ช. เตรียมพร้อมรับมือพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) เน้นย้ำ 16 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง (14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงเพชรบุรี และประจวบฯ) ต้องเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนการเผชิญเหตุให้ครอบคลุมทุกด้าน
2 ม.ค. 62 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เป็นประธานการประชุมในการเฝ้าระวัง ติดตาม และเตรียมการเผชิญเหตุกรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยัง 14 จังหวัดพื้นภาคใต้ และจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมในการรับมือพายุโซนร้อนปาบึก โดยมีผู้แทนหน่วยงานตามโครงสร้างของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กรมชลประทาน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุมฯ
ในโอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยว่า การประชุมของ บกปภ.ช. ในวันนี้ เป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากมีการคาดการณ์และแนวโน้มสถานการณ์กรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดภาคใต้ รวมถึงพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุในระดับพื้นที่ของจังหวัดต่างๆ ซึ่งจากการติดตามสภาพอากาศและปริมาณฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาทราบว่าในระยะนี้ภาคใต้ และพื้นที่เสี่ยง จะมีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่อง และจะมีฝนมากขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคมนี้
รวมทั้งอาจมีคลื่นลมกำลังแรงขึ้น ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้รายงานการคาดการณ์และแนวโน้มของสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพายุโซร้อน “ปาบึก” และการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุของแต่ละหน่วยงาน และจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ และพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่ง บกปภ.ช.ได้เน้นย้ำให้จังหวัดเฝ้าระวัง ติดตาม และเตรียมการเผชิญเหตุ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการรับมือ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการประเมินสถานการณ์ ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย และจัดเตรียมความพร้อมให้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเครื่องมืออุปกรณ์ ระบบสาธารณูปโภค ด้านคมนาคม และสิ่งสาธารณประโยชน์ รวมทั้งให้จังหวัดจัดทำแผนการเผชิญเหตุ แผนอพยพ และแผนการฟื้นฟูภายหลังการเกิดเหตุให้ครอบคลุมทั้งระบบอีกด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยนำแนวทางปฏิบัติตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราโชบายในการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยมีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่
1.ให้ประชาชนที่อยู่ในภาวะทุกข์ร้อนกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
2.ในการทำงานทุกงานให้มีแผนเผชิญเหตุไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนที่จะเป็นอุปสรรคให้ เกิดความเสียหาย และมีแผนสำรองสำหรับทางออกทุกกรณี
3.ให้น้อมนำกระแสพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทางในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดจนแนวทางการดำเนินงานและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การปฏิบัติการช่วยเหลือ และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนได้บูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัย ได้แก่ การเคลื่อนตัวของพายุ การวิเคราะห์สถานการณ์น้ำและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ รวมถึงการเตรียมความพร้อมปฏิบัติการในระดับพื้นที่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเตรียมพร้อมของทุกหน่วยงานทั้งหมดนี้ จะช่วยให้การปฏิบัติการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รวมทั้งให้ช่วยกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในทุกช่องทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี