ย้อนกลับไปปี 2561 ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ต้องบอกว่า เป็นปีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเผชิญกับปัญหามากกว่าเรื่องที่น่ายินดี แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ชื่อ
กฤษฎา บุญราช ก็อาศัยความเก๋าของการเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ที่คลุกคลีใกล้ชิดประชาชน และรู้จักระบบราชการเป็นอย่างดี เป็นแม่ทัพนำพาเกษตรนาวาผ่านพ้นวิกฤติในปี 2561 มาได้ แบบละเหี่ยใจ....ถึงขั้นออกมาขู่คาดโทษข้าราชการที่เกียร์ว่าง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร กฤษฎา บุญราช เข้ามารับตำแหน่งแทน พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ใน ครม.ประยุทธ์ 5 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ด้วยเหตุผลที่ใครๆ เขาว่ากันว่า บิ๊กฉัตรไม่สามารถแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำได้
บิ๊กกฤษฎาเข้ามารับตำแหน่งระยะแรกๆ ก็คงงงๆ กับภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ อยู่บ้าง เพราะมีงานหลากหลายเหลือเกิน แม้จะเคยเป็นผู้บังคับบัญชา เกษตรจังหวัด ประมงจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด สหกรณ์จังหวัดมาก่อน แต่นั่นก็เป็นภารกิจเฉพาะในจังหวัด แต่เมื่อมารับผิดชอบดูแลภารกิจในภาพรวมของประเทศประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานในระดับจังหวัดคงช่วยอะไรไม่ได้มาก
ดูจากเริ่มแรกที่ท่านเข้ามาจัดระเบียบการบริหารราชการ โดยยึดเอากรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลัก ที่เรียกเสียหรูว่า กลไกการขับเคลื่อนในพื้นที่ ประกอบด้วย 2 ฝ่าย ฝ่ายอำนวยการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสนาธิการ หรือฝ่ายบุ๋น นั่งวางแผนและกำหนดยุทธวิธี โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นเลขานุการ
อีกฝ่ายหนึ่ง คือ ฝ่ายปฏิบัติการ หรือฝ่ายบู๊ แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ระดับจังหวัด เรียก CO (Chief of Operation) มีเกษตรจังหวัด เป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทุกหน่วยงานในจังหวัด และ เกษตรอำเภอทุกอำเภอ อีกระดับคือ ระดับอำเภอ เรียก OT (Operation Team) มีเกษตรอำเภอ เป็นหัวหน้าทีม ลุยงานภาคสนาม
ระยะแรกท่านฝากความหวังให้เกษตรจังหวัดและเกษตรอำเภอ เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายจนหลายคนเครียดว่าจะทำตามที่ท่านมอบหมายได้หรือไม่ บางคนถึงกับออกปากว่า “ตายแน่....”
ไม่ยืนยันว่า ทุกจังหวัดปฏิบัติตามการจัดระเบียบของท่านอย่างเคร่งครัดหรือไม่ แต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ผ่านพ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยภารกิจแรกที่ทุกจังหวัดต้องดำเนินการคือ โครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่กระทรวงเกษตรฯ ได้รับงบประมาณเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท มีทั้งการปรับโครงสร้างการผลิตของเกษตรกร การอบรมเพิ่มทักษะด้านการผลิตและการตลาดให้กับเกษตรกรผู้สนใจ รวมถึงการต่อยอดโครงการ 9101 รายที่ประสบความสำเร็จด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กฤษฎา บุญราช เพิ่งแถลงผลการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาว่าสามารถสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกร โดยเกษตรกรกว่า 1.6 ล้านคน ได้รับความรู้และทักษะทางด้านการผลิตและการตลาดเพิ่มมากขึ้น มีรายได้จากการเข้าร่วมโครงการอบรมและการสนับสนุนกิจกรรมการผลิตที่แต่ละชุมชนเสนอเป็นเงินกว่า 2.6 พันล้านบาท เป็นธรรมดาของการแถลงผลงาน...ก็ต้องมีแต่เรื่องดีๆ
มาช่วงไตรมาสหลังของปี 2561 บิ๊กกฤษฎา เริ่มลุยแก้ปัญหาราคาผลผลิตสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องราคายาง หลังจากที่ปล่อยให้ กยท. หาทางแก้ปัญหาแล้วไม่ได้ผล มาตรการต่างๆ เช่น ถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร หรือการให้บริษัทผลิตล้อยางรับซื้อยางจากเกษตรกร ก็ช่วยกระตุ้นราคายางให้ขยับขึ้นมาบ้าง แม้จะไม่สูงนัก แต่ก็ยังดีกว่าตกต่ำลงเรื่อยๆ ส่วนราคาปาล์มน้ำมัน ก็ไม่ปล่อยให้ตกต่ำจนเนิ่นนาน ไหวตัวรีบแก้ไขเสียก่อนที่ชาวสวนปาล์มจะก่อม็อบ
ส่วนโครงการประชารัฐ ที่เป็นนโยบายหลักนโยบายหนึ่งของรัฐบาล บิ๊กกฤษฎา ก็ทุ่มสุดตัว โดยเฉพาะโครงการปลูกข้าวโพดหลังนา ที่แม้ว่าจะได้พื้นที่ต่ำกว่าเป้าหมาย เพราะเกษตรกรที่ทำนาไม่กล้าเสี่ยงไปปลูกพืชที่ตัวเองไม่คุ้นเคย บังเอิญโชคเข้าข้าง ปีนี้ข้าวโพดราคาดี จึงไม่มีเสียงอื้ออึงให้รำคาญใจ ว่าแต่ต้องสกัดศัตรูข้าวโพดให้อยู่ มิเช่นนั้นเกษตรกรจะเดือดร้อน
ยังมีเรื่องราวสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ ที่ยังไม่รู้ หมู่ หรือจ่า และคงยืดเยื้อไปถึงรัฐบาลใหม่ นั่นคือ เรื่อง สารเคมี 3 ชนิด เรื่องกฎหมายอีกหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ. ส่งเสริมระบบเกษตรกรรมยั่งยืน พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ที่ดิน ส.ป.ก. ทั้งนี้ยังไม่รวมเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรระหว่างประเทศอย่าง IUU แต่อย่างใด
ไม่เข้าใจอยู่เรื่องเดียว.....ทำไมเรื่องการผลักดันให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ จึงต้องเร่งด่วนจนรัฐมนตรีต้องลงมากำกับเอง.......
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี