ถล่มเมืองคอนยับ
‘ปาบึก’มาตามนัดขึ้นฝั่งปากพนังฝนตกหนักลมแรง
ชาวบ้านหนีตายจ้าละหวั่น
ซัดเสาไฟฟ้า-ต้นไม้หักอื้อ
2รพ.น้ำท่วมสูงเกือบเมตร
สงขลา-นราฯอ่วมไม่น้อย
มาตามนัด!อุตุฯระบุโซนร้อน “ปาบึก” ขึ้นฝั่งเมืองคอน ที่ปากพนังจุดแรก 12.45 น. ถล่ม 23 อำเภอ เสียหายยับ พายุหอบฝนกระหน่ำ ลมหมุนกระโชกแรง กว่า 70 กม./ชม. คลื่นยักษ์ซัดสูงกว่า 4 เมตรซัดฝั่ง จนท.อพยพชาวบ้านพ้นพื้นที่เสี่ยงเข้าศูนย์ผู้ประสบภัย ขณะที่ อ.ระโนด สงขลา–นราฯวิกฤติ ประกาศฉบับ 18 คาดอ่อนกำลังเป็นดีเปรสชั่น จ่อถล่ม สุราษฎร์-ระนอง ฝนตกหนักมาก ลมแรงในจังหวัดใกล้เคียงตั้งแต่เพชรบุรีลงมา
ความคืบหน้าสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกเมื่อวันที่ 4 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเวลา 12.45 น. ระบุพายุโซนร้อนปาบึก ขึ้นฝั่งแล้วที่อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่อ.ท่าศาลา และอำเภอที่อยู่ฝั่งอ่าวไทยตามลำดับ ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคใต้ มีฝนตกหนัก คลื่นลมกรรโชกแรง น้ำท่วมหนัก
อุตุฯแถลง’ปาบึก’ขึ้นฝั่งก่อนค่ำ
โดยนายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยถึงสถานการณ์พายุปาบึก ที่เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.ว่า โซนร้อนปาบึกความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทวีความรุนแรงขึ้น และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช เร็วขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 15.00-16.30 น.
จ่อสุราษฎร์ฯ-ระนองก่อนลงทะเล
นายภูเวียงยังอธิบายเส้นทางพายุหลังขึ้นฝั่งที่จ.นครศรีธรรมราชแล้วว่า จะเคลื่อนตัวต่อไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี จ.ระนองแล้วลงทะเลวันที่ 5 มกราคมช่วงบ่าย สำหรับพายุลูกนี้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบถึง 400 กิโลเมตร จึงทำให้พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงได้รับผลกระทบไปด้วย สร้างความเสียหายวงกว้างรัศมี 200-400 กิโลเมตร ทำให้วันที่ 5 มกราคม มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล คาดปริมาณฝนสะสมจะมีมากถึง200-300 มิลลิเมตร จึงขอเตือนประชาชนอย่าออกนอกบ้าน หากจะบันทึกภาพควรอยู่ในที่ปลอดภัย อย่าอยู่ที่กลางแจ้ง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
คาดอ่อนแรงชั่นมุ่งถล่มสุราษฎร์ฯ
ต่อมาเวลา 14.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฉบับที่ 18 เรื่องพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK)ว่า พายุเคลื่อนขึ้นฝั่งที่อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชแล้ว ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุจะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชัน และเคลื่อนเข้าปกคลุมจ.สุราษฎร์ธานีต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยวันนี้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล และวันที่ 5 มกราคม จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีลมแรงที่จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล สำหรับคลื่นลมอ่าวไทยและอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรงดการเดินเรือจนถึงวันที่ 5 มกราคม
มาตามนัดถล่มปากพนังจุดแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ว่า หลังโซนร้อนปาบึกขึ้นฝั่งที่อ.ปากพนังแล้วส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้ง 23 อำเภอของจ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะ 6 อำเภอชายฝั่งอ่าวไทยคือ อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.สิชล อ.ขนอม ซึ่งมีฝนตกหนัก คลื่นลมแรงพัดต้นไม้ล้มขวางถนน ไฟดับหลายพื้นที่ ขณะที่ชายฝั่งทะเลอำเภอต่างๆคลื่นสูง 2 – 3 เมตรและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยอีก ที่อ.ปากพนัง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจุดแรกและรุนแรงมากที่สุด ตลอดทั้งวันท้องฟ้ามืดครึ้ม มีฝนตกหนัก ลมแรง บนถนนและบริเวณหน้าตลาดสดนาวารี ปากพนังฝั่งตะวันออก น้ำทะเลหนุนท่วมสูง ชาวบ้านออกมาซื้อสินค้าอาหารไปกักตุนไว้เพราะไม่แน่ใจในสถานการณ์ ส่วนที่แหลมตะลุมพุก ต.ตะลุมพุก เจ้าหน้าที่อพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่หมดแล้ว เหลือเพียงผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัคร เฝ้าสังเกตสถานการณ์เท่านั้น ส่วนท่าเรือข้ามฟากของเทศบาลเมืองปากพนังหยุดเดินเรือทั้งหมด เพราะลมแรง ปริมาณน้ำในแม่น้ำปากพนังเริ่มสูง
ระทึกพายุเขย่าประตูเหล็กศูนย์ฯอพยพ
ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์อพยพ ศูนย์กีฬาเทศบาลเมืองปากพนัง ชาวบ้านจากต.แหลมตะลุมพุก และพื้นที่เสี่ยงหลายพันคนเข้าหลบภัย ตลอดทั้งวันแรงลมพายุพัดรุนแรงมากถึงขนาดทำให้ประตูม้วนเหล็กด้านหลังศูนย์ฯปลิวสะบัดเปิดออก น้ำฝนซัดเข้ามาด้านใน เจ้าหน้าที่เร่งย้ายสิ่งของขึ้นไปไว้บนชั้นสองแทน แรงลมยังพัดหลังคาเสียงดังสนั่น กระแสไฟฟ้าดับ สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทหาร นำรถจีเอ็มซีขนย้ายผู้ประสบภัยจากพื้นที่ต่างๆเข้ามาอยู่ในศูนย์ฯต่อเนื่องมีจำนวนนับพันคน
ชาวบ้านตื่นแห่กักตุนอาหาร
เช่นเดียวกับ ที่อ.เมืองนครศรีธรรมราช ลมพายุพัดกระหน่ำร้านอาหาร หน้าหมู่บ้านการเคหะ ริมถนนพัฒนาการคูขวางหลายสิบร้าน หลังคาปลิวว่อน กระจายเกลื่อนถนน น้ำเริ่มท่วมถนนหนทาง บ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านการเคหะ ชาวบ้านพากันไปซื้อข้าวสารอาหารแห้ง ในห้างเทสโกโลตัส สาขานครศรีธรรมราช จนเกลี้ยงแผง เพื่อเก็บไว้กักตุน เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์
หัวไทรอ่วมทะเลคลั่งคลื่นสูงซัดฝั่ง
ขณะที่สถานการณ์ที่อ.หัวไทรน่าเป็นห่วงเช่นกัน โดเฉพาะริมถนนสายหัวไทร - ปากพนัง คลื่นทะเลสูงซัดถนนอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่.ปภ.และท้องถิ่นของอ.หัวไทร นำรถยนต์ติดสัญญาณไฟฉุกเฉินตระเวนประกาศเตือนให้ชาวบ้านที่ยังไม่อพยพออกจากบ้านให้ออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเป็นการด่วน เพราะลมพายุและคลื่นเริ่มแรงขึ้นต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัย
ศูนย์อพยพฯล้น-น้ำทะลักขนหนีวุ่น
โดยศูนย์อพยพที่ศาลาประชาคม อ.หัวไทรมีผู้อพยพอยู่ประมาณ 500 คน ไม่สามารถรองรับผู้อพยพได้เพียงพอ ต้องย้ายไปที่ศูนย์ฯอื่น บรรยากาศเป็นไปอย่างฉุกละหุกวุ่นวาย เช่นเดียวกับ ที่อ.สิชล ศูนย์อพยพวัดคงคาวดี หมู่ 2 ต.เสาเภา มีผู้อพยพอยู่ 400 คน ปรากฏว่าจุดนี้น้ำทะเลหนุนสูงและคลื่นแรงมาก เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทหารต้องย้ายชาวบ้านไปอยู่ที่ศูนย์ฯแห่งใหม่ที่อบต.เสาเภา ซึ่งปลอดภัยกว่า
สิชลคลื่นสูง4ม.ลมแรงฝนซัดไฟดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ในอ.สิชล เขตต่อเนื่องกับอ.ท่าศาลา อ.เมือง และอ.ปากพนังวิกฤติไม่ต่างกัน เนื่องจากพายุเคลื่อนตัวผ่าน ทำให้คลื่นลมทะเลในทวีความรุนแรงต่อเนื่อง คลื่นสูงประมาณ 4 เมตร และมีลมหมุนกระโชกแรงขึ้น สภาพอากาศปิด ฝนตกหนัก โดยเฉพาะหาดหินงาม แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง มีคลื่นลมแรงสูงกว่า 4 เมตร ชาวบ้านต้องย้ายไปอยู่ที่ศูนย์อพยพฯที่จังหวัดเตรียมไว้ 29 จุด มีมากกว่า 6,000 คน 1,500 หลังคาเรือน
จัดชุดเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม
นายไพบูลย์ นาคทิพย์พิมาน นายอำเภอสิชลเผยว่า หลังจากนี้จะมีฝนตกหนักเพิ่มมากขึ้นอีก ทางอำเภอได้จัดทีมเฝ้าระวังดินโคลนถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน ใน 9 ตำบลรวม 110 หมู่บ้าน โดยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอาศัยอยู่ภายในบ้าน และงดเดินทางระหว่างนี้ จากพายุฝนลมกรรโชกแรงทำให้ต้นไม้โค่น เสาไฟฟ้าล้มนับสิบต้นส่งผลให้ไฟฟ้าดับหลายชั่วโมง ทางอำเภออพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 4 ตำบลที่ติดริมชายฝั่งทะเลออกจากพื้นที่ทั้งหมด และมีรายงานมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนต้นไม้ 1 ราย บริเวณหมู่ที่ 1 ต.ทุ่งใส รวมถึงมีต้นไม้ล้มที่ถนน 401 ซึ่งฝ่ายปกครองและทหารเข้าเคลียร์พื้นที่แล้ว
รพ.ปากพนัง-รพ.นครฯน้ำท่วมไฟดับ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานผลกระทบจากรพ.ปากพนัง อ.ปากพนัง จากฝนที่ตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วม ในรพ. มีน้ำท่วมขังสูง 100 เซนติเมตร รถรับส่งต่อผู้ป่วยจมน้ำ ต้องขอกำลังทหารนำรถจีเอ็มซีมาลำเลียงส่งต่อผู้ป่วยหนัก 8 คน ไปรักษาที่รพ.นครศรีธรรมราช รวมถึงนำทีมแพทย์บางส่วนไปประจำที่ศูนย์อพยพฯ
ส่วนที่รพ.นครศรีธรรมราช ฝนที่ตกหนัก ลมแรง ทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับเสาไฟฟ้าล้ม 3 ต้น ไฟฟ้าดับ รพ.ต้องปั่นไฟฟ้าสำรองใช้ แต่ยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ มีผู้ป่วยใน 800 คน ผู้ป่วยห้องฉุกเฉินวิกฤติ 70 คน แต่มีปัญหาว่าผู้ป่วยนอกที่มารับบริการ ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ รพ.เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวไว้รองรับ
6อ.ในสงขลาหนัก-ระโนดน่าห่วง
ส่วนที่จ.สงขลา อิทธิพลของโซนร้อนปาบึก ทำให้คลื่นสูง ลมแรงและมีฝนตกต่อเนื่อง ทั้งวันทั้งคืน โดยพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ 6 อำเภอชายฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่ อ.ระโนด สทิงพระ สิงหนคร เมือง จะนะ และอ.เทพา เจ้าหน้าที่อพยพชาวบ้านที่อยู่ติดริมทะเลใน 3 อำเภอทั้ง อ.ระโนด สทิงพระ และ อ.เทพา มากกว่า 300 คนไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ อ.ระโนด พื้นที่ริมทะเลและเชื่อมต่อกับจ.นครศรีธรรมราช จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีน้ำท่วมและน้ำทะเลหนุนในหมู่ 1 ต.ปากแตะระ ต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว โรงเรียนรวมถึงมหาวิทยาลัยต้องหยุดเรียน 300 แห่ง
ญาติร่ำไห้จำใจทิ้งงานศพหนีปาบึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ที่น่าวิตก ทำให้กำลังทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 ต้องเข้าอพยพประชาชนในวัดหัวคุ้ง ต.ท่าบอน อ.ระโนด ซึ่งอยู่ติดริมทะเล แม้อยู่ระหว่างจัดงานศพ ทำให้ญาติพี่น้องร่ำไห้จำใจต้องออกจากวัดไปอยู่ที่ศูนย์อพยพฯ โดยทิ้งศพที่ยังตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดเพียงลำพัง แม้จะมีคนเฝ้าก็ตาม เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องให้อพยพด่วนที่สุด เพราะอ.ระโนดเป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบหนักสุดของจ.สงขลา เพราะอยู่ติดจ.นครศรีธรรมราช
นราฯทะเลคลั่งปาบึกพัดหลังคาปลิวว่อน
ผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึกยังสร้างความเสียหายให้จังหวัดใกล้เคียงต่อเนื่องเช่นกัน อย่างที่หมู่บ้านทอนฮีเล หมู่ 10 ต.โกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส บ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทะเลประมาณ 30 หลัง ถูกลมกระโชกแรงพัดขึ้นฝั่งจนกำบังลมล้มพัง หลังคาบ้านปลิวว่อน สร้างความตื่นตระหนกทำให้ชาวบ้านหนีตายจ้าละหวั่น โดยนายรุสลัน อารง นายก อบต.โคกเคียนนำคณะออกสำรวจพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน ทั้งนี้ในจ.นราธิวาส สภาพทั่วไปฟ้าปิด มีเมฆฝนปกคลุมทั้ง 13 อำเภออากาศค่อนข้างเย็น คลื่นลมสูงถึง 3- 4 เมตร
ปัตตานีเรือประมงอับปางสังเวย1
ความคืบหน้าเหตุเรือประมงโชคมะลินี ขนาด 30 ตัน พร้อมลูกเรือ 6 คน ออกจากท่าเรือจ.สงขลา กระทั่งเกิดอับปางที่ปากอ่าวปัตตานี เมื่อวันที่ 4 มกราคม จากคลื่นสูงลมแรง เจ้าหน้าที่เร่งติดตามค้นหา พบลูกเรือ 4 คน ลอยคอขึ้นฝั่งบริเวณปลายแหลมตาชี ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าได้ช่วยเหลือไว้ได้ปลอดภัย ทราบชื่อคือ นายสุรินทร์ บินต้วน ไต๋ก๋งเรือ นายประจักษ์ สาระรัตน์ ลูกเรือ นายสันทัด มัชมลฐล ลูกเรือ นายธีระยุทธ์ ขุนพระบาท ลูกเรือ ส่วนลูกเรืออีก 2 คนคือ นายปราโมทย์ วงศ์สุวรรณ เสียชีวิต พบศพที่แหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ ส่วนนายฉลอง ไม่ทราบนามสกุลยังหาตัวไม่พบ เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาอย่างต่อเนื่อง
5อ.พัทลุงอพยพหนีน้ำ-โคลนถล่ม
ที่จ.พัทลุง ตลอดทั้งวัน ท้องฟ้มืดครึ้ม มีฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมากระทั่งเช้า ปริมาณน้ำในลำคลองต่างๆเพิ่มขึ้น ชาวบ้านขนของไว้ที่สูงหนีน้ำท่วม โดยเฉพาะอำเภอริมเทือกเขาบรรทัด 5 อำเภอคือ ป่าบอน ตะโหมด กงหรา ศรีนครินทร์ และศรีบรรพต จังหวัดกำชับนายอำเภอพื้นที่ดังกล่าว เข้าดูแลประชาชนพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว ให้อพยพด่วน เนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่อง เกรงจะเกิดน้ำป่าและดินโคลนถล่มเช่นเดียวกับ ชาวบ้านและร้านค้าบริเวณตลาดควนขนุน อ.ควนขนุน ได้เสริมกระสอบทรายสูงกว่า 70 ซม. เพื่อรับมือน้ำท่วมฉับพลันทะลักเข้าบ้านและร้านค้า เพราะจุดดังกล่าวเป็นจุกรับน้ำจากฝายท่าแนะ เมื่อน้ำล้นสปริงเวยก็จะเข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าวทันที
รพ.บางสะพานย้ายผู้ป่วย-เครื่องมือแพทย์
วันเดียวกัน นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นพ.เชิดชาย ชยวัฑโฒ ผอ.รพ.บางสะพาน พร้อมกำลังกำลังสุรสีห์ และเจ้าหน้าที่ปภ.ช่วยกันขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์สำนักงาน รวมทั้งผู้ป่วยหนักห้องไอซียูไปไว้ที่รพ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อความปลอดภัยและเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นจากพายุปาบึก ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากในวันที่ 5 มกราคม นอกจากนี้ ยังได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่เสี่ยงคือ อ.ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย ไปรักษาที่รพ.ชุมชน และส่งเจ้าหน้าที่รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลคอยดูแลประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี