8 ม.ค.62 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า เดิมที่ประชุมมีมติให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ 4 กลุ่มโรคเท่านั้นคือ ลมชักในเด็ก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนจากการได้รับยาเคมีบำบัด และปวดเรื้อรัง โดยจะศึกษาปริมาณความต้องการใช้เพื่อกำหนดการปลูกและผลิต
อย่างไรก็ตามล่าสุดที่ประชุมให้มีการดำเนินการศึกษาอีก 2 กลุ่มโรคคือกลุ่มโรคที่น่าจะมีประโยชน์ทางการแพทย์ อาทิ โรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ เครียด และการใช้ในผู้ป่วยระยะสุดท้าย ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มคือกลุ่มที่อาจจะมีประโยชน์ เช่น การใช้น้ำมันกัญชาในการฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะต้องเริ่มวิจัยตั้งแต่หลอดทดลองและคลินิกต่อไป โดยรอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไปจัดทำกรอบการดำเนินการต่อไป
ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. กล่าวว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์อยู่ระหว่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่ระหว่างนี้อย.ก็ได้เร่งทำกฎหมายลูก 8 ฉบับตามออกมาซึ่งในจำนวนนี้มีกฎกระทรวง 2 ฉบับที่ต้องรอให้กฎหมายแม่ประกาศใช้ก่อน แล้วถึงจะประกาศตามได้ แต่ในส่วนของร่างประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 3 ฉบับและประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ 3 ฉบับ ทั้ง 6 ฉบับนี้ ถ้าเสร็จก็ประกาศใช้ได้เลย ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้
นพ.ธเรศ กล่าวว่า ในกฎหมายลูกมีการพูดถึงเรื่องการใช้กัญชาในกลุ่มที่ 2 ซึ่งน่าจะมีประโยชน์ทางการแพทย์นั้น ซึ่งเป็นยาที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการวิจัยทางคลินิกก็จะให้เป็นการใช้ผ่านช่องทางพิเศษ โดยทำหลักเกณฑ์ วิธีการ ในคนไข้บางคนที่มีความต้องการใช้นั้น ต้องเป็นความเห็นร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้ ซึ่งเรื่องนี้จะมีการรับฟังความเห็นจากวิชาชีพที่เกีย่วข้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี