10 ม.ค.62 มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(11 ม.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นัดหมายมูลนิธิชีววิถี(BioThai) กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) มหาวิทยาลัยรังสิต สภาการแพทย์แผนไทย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาสิทธิบัตรกัญชาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่เฟชบุ๊ก BIOTHAI ของมูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย ระบุว่า ไบโอไทยและเอฟทีเอว็อทช์ เตรียมยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ ให้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วของรัฐบาลนี้ที่จะแสดงความรับผิดชอบ ก่อนที่การใช้กัญชาทางการแพทย์ จะถูกผูกขาดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดครบวงจรโดยบรรษัทยักษ์ใหญ่และบรรษัทยาข้ามชาติ
สำหรับ 5 ข้อเสนอดังกล่าว ประกอบด้วย 1.รัฐบาลต้องยกเลิกสิทธิบัตรเกี่ยวกับกัญชาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดโดยเร็วที่สุด โดยต้องให้เสร็จสิ้นก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับปรับปรุงแก้ไขจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจากการตรวจสอบโดยองค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการด้านเภสัชศาสตร์ และนักวิชาการด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาพบว่าคำขอสิทธิบัตรอย่างน้อย 10 คำขอ ขัดต่อมาตรา 5 และมาตรา 9 เช่น ขัดต่อมาตรา 5 (1) เพราะไม่ใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ มาตรา 5 (2) ไม่ใช่การประดิษฐ์ที่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น อีกทั้งยังขัดมาตรา 9(1) ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารสกัดจากสัตว์หรือพืช มาตรา 9(4) เกี่ยวกับวิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์ หรือสัตว์ และขัดต่อมาตรา 9(5) การประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย เพราะกัญชายังคงเป็นสารเสพติด ที่นักวิจัยไทยไม่สามารถทำการวิจัยได้ตลอดสาย
2.ให้มีการปรับปรุงคู่มือ "การตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตร ฉบับปรับปรุงใหม่ ปี 2555" โดยต้องตัดข้อความซึ่งระบุว่า "ผลิตภัณฑ์ตามธรรมชาติที่ถูกทำให้บริสุทธิ์ USPTO EPO JPO ไม่ได้ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หรือการค้นพบ เพราะว่าสารเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่ในธรรมชาติในรูปลักษณะที่บริสุทธิ์” เนื่องจากแนวปฏิบัติดังกล่าวขัดต่อกฎหมายสิทธิบัตรของไทย และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่มีการยกคำขอสิทธิบัตรเกี่ยวกับกัญชาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายข้างต้น ส่วนคู่มือที่เหลือเกี่ยวสิ่งประดิษฐ์ทางเคมี กระทรวงพาณิชย์และกรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องตั้งคณะทำงานที่ให้นักวิชาการและองค์กรภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อประเมินและปรับปรุงคู่มือที่ประกาศใช้กว่า 5 ปีมาแล้ว ทั้งนี้โดยดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 60 วัน
3. ปรับปรุงกระบวนการรับคำขอสิทธิบัตร ในกรณีที่ขัดต่อมาตรา 9 อย่างเข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนก่อนการประกาศโฆษณา และให้ยกคำขอสิทธิบัตรทันทีเมื่อขัดต่อมาตรา 9 ทั้งนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องระบุระยะเวลาการพิจารณาคำขอและการยื่นคำคัดค้านอย่างชัดเจน รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญทั้งหมดของคำขอสิทธิบัตรที่ผ่านประกาศโฆษณาแล้วในเว็บไซท์ของกรมโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องมีข้อมูลเพียงพอในการคัดค้านหากสิทธิบัตรดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
4. ปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตร หรือตรากฎกระทรวง เพื่อให้คำขอสิทธิบัตรต้องแสดงที่มาของทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่นเดียวกับกฎหมายสิทธิบัตรของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอรเวย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และอินเดีย เป็นต้น เพื่อคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ป้องกันไม่ให้เกิดกรณีการเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านโดยมิชอบ ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับ กวาวเครือ กระท่อม และกัญชา ดังที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในรัฐบาลนี้
5.คัดค้านการดำเนินการใดๆของรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมในความตกลงการค้าระหว่างประเทศซึ่งต้องทำให้ประเทศไทยต้องแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่มากกว่าความตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้องค์กรการค้าโลก (TRIPs) เช่น การเข้าร่วมในอนุสัญญา UPOV1991 เป็นต้น ซึ่งทำให้ต้องมีการแก้ไขกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชที่เปิดทางให้มีการผูกขาดสายพันธุ์กัญชา สมุนไพรและพันธุ์พืชต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงทางอาหารและความมั่นคงทางยาของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี