12 ม.ค. 62 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง  ซ.63 พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ได้ควบคุมตัวนายรณชิต สงวนนามสกุล อายุ 52 ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่  จ. 14 /2562 ลงวันที่ 10 ม.ค.62 ข้อหา พาและพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีฯ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 - 23 ม.ค. เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานอีก 8 ปาก รอผลสอบลายพิมพ์มือผู้ต้องหา รอผลการตรวจร่างกายผู้เสียหาย และอื่นๆ

คำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.61 เวลาประมาณ 13.05 น. ผู้ปกครองของน้องโยโย่ อายุ 13 ปี  นักเรียนหญิงชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.พลับพลาไชย 2  ว่า บุตรสาวได้หายออกไปจากโรงเรียนหลังจากสอบกลางภาค ไม่ยอมกลับบ้านพักและไม่สามารถติดต่อได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเงินของเด็กหญิงซึ่งผู้ต้องหาเป็นผู้จดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์นั้นไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้กล่าวหาแล้ว ทราบว่าผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่มีความสนิทสนมกับครอบครัว 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคารพบว่า มีการเบิกถอนเงินไปช่วงวันที่ 9 ม.ค. ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารใน จ.เชียงใหม่จึงตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ก็พบ ภาพผู้ต้องหาและเด็กหญิงเดินอยู่ด้วยกันในห้างสรรพสินค้า จ.เชียงใหม่ ซึ่งผู้กล่าวหาดูภาพแล้วยืนยันบุคคลตามภาพนั้นคือผู้ต้องหาและเด็กหญิงที่เป็นบุตรสาว จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาได้หลอกลวงพาเด็กหญิงไปจากผู้ปกครอง พนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

โดยเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ จ.เชียงใหม่ และเมื่อสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่า เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.61 ก็ได้พาเด็กหญิงไปสอนพิเศษ ที่ห้างขายสินค้าปลีกแห่งหนึ่งภายในกรุงเทพฯ จากนั้นได้ร่วมเพศกันภายในรถยนต์ ก่อนพาเด็กหญิงกลับไปส่งบ้านพัก พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ฐานพาและพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล หรือ เพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตนโดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ ตามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 , มาตรา 283 ทวิ วรรคสอง และมาตรา 317 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยดี ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกัน   เพราะคดีมีอัตราโทษสูง  เกรงว่า หากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน  จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสิ้นสุดเวลาทำการ ไม่ปรากฏว่า มีญาติของนายรณชิต ผู้ต้องหายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ ขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป