20 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Chumpol Punnin” โพสต์ภาพหญิงสาวรายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บและลูกน้อย พร้อมระบุว่า วันนี้เป็นวันที่ออกไปตรวจสอบแล้วสะเทือนใจมากที่สุด ซึ่งได้รับแจ้งตอนแรกว่าเป็นผู้ป่วย พอไปถึงกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันภายในครอบครัว แต่สิ่งสำคัญ คือ “สามีขับรถชนภรรยาขณะที่ภรรยายังอุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขน”
ทำให้รถเหยียบข้อเท้า และข้อมือของแม่ ทำให้ลูกกระเด็นตกหัวกระแทกพื้นปูดบวม ส่วนแม่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าและข้อมือขยับไม่ได้ เลยทำการดามไว้ แต่เด็กร้องไม่หยุด เลยเปลี่ยนหน้าที่จากคนขับรถ ไปเป็นคนอุ้มเด็ก แต่เด็กก็ยังร้องไม่หยุด อาจจะด้วยความเจ็บหรืองอแง แต่ในขณะที่นั่งในรถและอุ้มเด็กก็พยายามหาวิธีให้หยุดร้องเลยหันหน้าเด็กไปหาอกแม่
พอถึงอกเท่านั้นแหละหยุดร้องทันทีและหลับคาอกแม่เลย จึงนำตัวเข้ารักษาที่ รพ.กรุงเทพระยอง เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กเพราะเด็กพูดไม่ได้ และจะหลับตลอด ก่อนจะออกจากที่เกิดเหตุก็พยายามหาบัตรประชาชนแต่ไม่มี เลยให้นิติบุคคลของคอนโดช่วยขึ้นไปเอาโทรศัพท์ที่ห้องของคนเจ็บ ได้แต่โทรศัพท์กับพาสปอร์ต
ขณะนั่งอุ้มน้องก็พยายามถามว่ามีญาติไหมที่ระยอง น้องบอกไม่มีหนูมาอยู่กับสามี ปกติก็จะทะเลาะกันบ่อย แต่วันนี้หนักสุด ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ก็เลยแนะนำให้โทรหาเพื่อนมาช่วยดูแล และต้องขอขอบคุณ รพ.กรุงเทพระยอง ที่ช่วยรักษา โดยที่ในตัวน้องไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ขอบคุณน้องๆ พยาบาล ที่ช่วยกันดูแลน้องที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดีเยี่ยม
แต่สิ่งที่มองแล้ว น้ำตาไหลคือ สัญชาตญาณความเป็นแม่ที่มีต่อลูก เพราะในขณะที่แขนและขาถูกดาม และมัดไว้ มีแค่มือข้างเดียวพยายามที่จะโอบกอดลูกให้ปลอดภัยมากที่สุด ต่อมาผลตรวจล่าสุดเพิ่งทราบว่ากำลังมีน้องตั้งครรภ์ได้ 9 สัปดาห์
ขอขอบคุณรพ.กรุงเทพระยองที่ดูแลให้การรักษา เอกซเรย์ทำแผลให้อย่างดี และนัดติดตามอาการอีกครั้ง ทั้งนี้ทาง รพ.ไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ล่าสุด แม่และน้องปลอดภัยครับ กำลังประสานว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยดูแลและให้ที่พักครับ
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (20 ม.ค.62) หญิงสาวผู้เสียหายได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองระยอง พร้อมลูกชาย ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหญิงสาว ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ไม่ต้องการให้ตกเป็นข่าว
ขณะที่ นายจุมพล พูนนิน อายุ 43 ปี อาสากู้ภัย ผู้โพสต์เรื่องราว เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งให้ช่วยผู้บาดเจ็บ ก็ออกไปปฏิบัติหน้าที่ แต่สิ่งที่พบเห็นเป็นภาพสะเทือนใจอย่างมาก เพราะนอกจากผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังมีท้อง9สัปดาห์ รวมทั้งลูกชายวัยขวบเศษ ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ตนซึ่งก็มีลูกเล็กๆอยู่เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราว เพื่อต้องการสะท้อนให้สังคมได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของความรุนแรงที่เกิดขึ้น และหวังจะให้เรื่องราวนี้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ให้ใครได้กระทำการในความรุนแรงเช่นนี้อีกส่วนการดำเนินการในเรื่องคดี นั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเข้ามาช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี