มันก็แปลกดี บางคนไม่ได้ลึกซึ้งกับกับประเด็นทางเทคนิคก็สามารถฟุ้งได้เป็นวรรคเป็นเวร ในขณะที่ ผู้ที่รู้จริงได้แต่นั่งมองจากมุมห้องด้วยความสงบ อาจจะแอบยิ้มที่มุมปากแบบขำๆ และแปลกไปอีกว่า คนส่วนใหญ่ก็มักจะคล้อยตามกับกลุ่มคนที่ฟุ้งเก่งมากกว่าจะคล้อยตามกลุ่มคนที่รู้จริงแต่ไม่ฟุ้ง บ่อยครั้งที่เหตุผลทางวิชาการไม่สามารถยับยั้งความเชื่อมั่นต่อการฟุ้งของกลุ่มคนเหล่านั้นได้ พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสอนหลักกาลามสูตร ไว้ให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงตระหนักก่อนที่จะปักใจเชื่อในสิ่งใด
ช่วงหลังมานี่ ผมมักจะได้รับข่าวสารต่างๆ จากหลายแหล่ง ทั้งบรรดาญาติมิตรพี่น้องที่อยากให้ผมรู้เรื่องกับเขาไปด้วย
ทั้งที่บางเรื่องผมก็ใช่ว่าจะอยากรู้สักเท่าไหร่ พออายุมากขึ้นหน่วยความจำของผมก็เริ่มมีปัญหาบ้าง อาศัยได้พูดคุยสนทนาตามกาล ก็พอจะฟื้นฟูความรู้ที่ร่ำเรียนมา แต่ไม่ได้ใช้โดยตรงสักทีขึ้นมาได้บ้าง ปีที่ผ่านมาช่วงปลายๆปี มีความแตกตื่นเรื่องการเข้ามาของโรคใบด่างมันสำปะหลังที่เกิดจากเชื้อ Sri Lanka Cassava Mosaic Virus (SLCMV) ซึ่งโรคนี้ทำให้มันสำปะหลังในแอฟริกา แทบหายไปจากพื้นที่ ก่อนที่โรคนี้จะเคลื่อนที่มาเรื่อยๆ ผมจำได้ว่าเมื่อปี 2559 ตอนที่ผมกลับมาทำหน้าที่อธิบดีกรมวิชาการเกษตร รอบที่ 2 มีรายงานพบการระบาดของโรคนี้ที่กัมพูชา กรมวิชาการเกษตรได้เฝ้าระวังและตรึงแนวพรมแดนอย่างเข้มงวด ก็ยังไม่มีรายงานการเข้ามา ซึ่งต้องเข้าใจลักษณะของแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวก่อนว่าสามารถติดเข้ามากับส่วนขยายพันธุ์ของมันสำปะหลัง และมีแมลงหวี่ขาวยาสูบเป็นพาหะ เพราะเชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่กระจายด้วยตัวของมันเอง ต้องอาศัยกับสิ่งมีชีวิตอื่น และในที่สุดปี 2561 ผลจากการเฝ้าระวังก็พบว่ามีต้นมันสำปะหลังที่มีอาการใบด่างคล้ายโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อ SLCMV ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของไทย ใกล้แนวพรมแดนไทย-กัมพูชา นักวิชาการหลายท่านสันนิษฐานว่ามันต้องติดมากับท่อนพันธุ์แน่ๆ การทำลายและสนับสนุนให้ใช้ท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรคจะเกิดผลอย่างไร ฝนนี้คงได้เห็นกัน เพิ่งผ่านไปฤดูเดียว อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเอาอยู่
อีกด้านหนึ่ง อันนี้ก็น่าสนใจ ทำให้ผมนึกถึงสมัยใช้เครื่องบินพ่นกำจัดตั๊กแตนปาทังก้าในข้าวโพดขึ้นมาทันที แต่ยุคนี้คงทำลำบาก ที่เป็นไปได้คงต้องใช้โดรนพ่นมากกว่า แมลงตัวนี้มาได้จังหวะ หนอนกระทู้เจาะข้าวโพด Fall Armyworm เดิมอยู่ในอเมริกา ก่อนย้ายมาแอฟริกา เข้ามาทางเอเชียตะวันออก โดยปี 2561 มีรายงานพบที่อินเดีย ไม่ทันใดก็โผล่ที่เมืองไทยฝั่งตะวันตกเรียบร้อย น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ด้วยวงจรชีวิตหนอนตัวนี้เพียง 30-40 วัน ตัวเมียหนึ่งตัววางไข่ได้ราว 1,500-2,000 ฟอง ระยะไข่เพียง 2-3 วันเท่านั้น ตัวเต็มวัยมีอายุราว 10-21 วัน ความสามารถพิเศษคือ บินได้ไกลเฉลี่ย 100 กิโลเมตรต่อคืน ศักยภาพแบบนี้จึงทำให้เป็นหนอนกระทู้ที่น่ากลัวมาก ไม่รวมถึงความสามารถในการดื้อยาและพฤติกรรมการหลบซ่อนตัว หากมีการใช้สารเคมีไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้การควบคุมยากขึ้นไปอีก รวมทั้งการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาของภาครัฐ เป็นการสร้างแหล่งอาหารของหนอนตัวนี้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าอาหารการกินอุดมสมบูรณ์
นอกจากข้าวโพดจะเป็นอาหารโปรดของหนอนชนิดนี้แล้ว หนอนกระทู้ดังกล่าวยังมีพืชอาศัยกว่า 80 ชนิด โดยเฉพาะข้าว หากฝนนี้ขยับลงไปหาข้าว คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นกลัวสำหรับชาวนา เพราะไม่เพียงแต่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ยังมีหนอนตัวใหม่มาให้จัดการกัน ชาวนาในฤดูกาลนี้ไม่อาจเป็นชาวนามือถือได้อีกต่อไป ปลูกข้าวก็ต้องเอาเงาไปทาบต้นข้าวกันบ้าง
คำกล่าวที่ว่า โลกไร้พรมแดน ทำให้ผมเชื่อแล้วว่า นอกจากโลกจะไร้พรมแดน ศัตรูพืชก็ไร้พรมแดนเช่นกัน
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี