ชาวเมืองเพชร รวมตัวคัดค้านรถไฟรางคู่ผ่ากลางเมือง ชี้กระทบโบราณสถานสำคัญ ส่งผลกระทบชุมชน เศรษฐกิจ มลภาวะเป็นพิษ เสนอให้การทางรถไฟเปลี่ยนเส้นทางเลี่ยงออกนอกตัวเมืองเพชรบุรี
23 ม.ค.62 กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเขตการก่อสร้างโครงการทางรถไฟรางคู่ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี กว่า 10 คน เดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรี ยื่นหนังสือขอคัดค้านการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ ในเขตอำเภอเมืองเพชรบุรี โดยมี นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รอง ผวจ.เพชรบุรี รับเรื่องร้องเรียน นายปริทัศน์ วรรณสิทธิ์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรีนายธีรยุทธ เสียมพลัด วิศวกรโครงการ บริษัทชิโน-ไทย นายวราห์ศักดิ์ สุวรรณภัคดี วิศวกรบริษัทที่ปรึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง
หนังสือร้องเรียนดังกล่าวสรุปได้ว่า การจัดทำโครงการรถไฟรางคู่ คู่สายใต้ช่วงนครปฐม-ชุมพร ซึ่งมีการวางเส้นทางผ่านพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนพุทธศักราช 2548 ทำให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการนำเสนอและคัดเลือดรูปแบบการก่อสร้างที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการรถไฟแห่งประเทศไทย ระงับการก่อสร้างจนกว่าจะมีการทำประชาพิจารณ์และรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จ
บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ถ.คีรีรัฐยา หน้าสนามกีฬา อบจ.เพชรบุรี (ดอนคาน) ซึ่งมีการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ และมีการวางแท่งแบริเออร์ เพื่อกั้นพื้นที่ก่อสร้างบริเวณกลางถนนเป็นพื้นที่กีดขวางพื้นผิวจราจรเป็นวงกว้าง แต่เมื่อเริ่มทำการขุดเจาะปักเสาเข็มเครื่องจักรได้ส่งแรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และมีการร้องเรียนไปก่อนหน้านี้จนมีการหยุดการก่อสร้างไปนานกว่า 1 เดือน แค่ปรากฏผู้รับเหมาก่อสร้างยังไม่ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายแท่งแบริเออร์ดังกล่าวออกนอกพื้นผิวจราจร ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวซึ่งใกล้เคียงสนามกีฬา สถานที่ราชการ โรงเรียน การจราจรหนาแน่นติดขัด โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน นักเรียนและผู้ปกครอง ตลอดจนผู้ใช้ถนนสัญจรไปมาเดินทางลำบาก และก่อให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ขอให้ดำเนินการเปิดช่องทางการจราจร โดยเคลื่อนย้ายแบริเออร์ออกจากถนน ภายใน 7วัน นับจาก วันที่ยื่นหนังสือเพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุและการจราจร
หนังสือร้องเรียนดังกล่าวยังระบุต่อไปว่า นอกจากนี้ โครงการรถไฟรางคู่ ซึ่งมีเส้นทางผ่านพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีเส้นทางการก่อสร้างห่างจากโบราณสถานไม่ถึง 1 กิโลเมตร ตามกฏหมายว่าด้วยโบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในระยะทาง 1 กิโลเมตร ที่ต้องทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ ซึ่งแรงสั่นสะเทือนในการก่อสร้าง และหากเปิดใช้บริการ รถไฟรางคู่ซึ่งมีความถี่ในการวิ่งมากขึ้น อาจสร้างการสั่นสะเทือนส่งผลกระทบต่อโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเพชรบุรีหลายแห่ง อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ถ้ำเขาหลวง วัดถ้ำแกลบ และเขาพนมขวดซึ่งเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่4 วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดเพชรพลี วัดไตรโรค วัดนาค วัดไผ่ล้อมและวัดกำแพงแลง ฯลฯ พังเสียหาย ส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ของเมืองเพชรบุรีทำให้สูญเสียความสง่างามของเมืองแห่งประวัติศาสตร์เนื่องจากการก่อสร้างผ่านใจกลางเมือง ส่งผลต่อคุณค่าของคุณภาพชีวิต ชุมชน ระบบเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่ จากการมีรางรถไฟตัดใจกลางเมือง รวมถึงภาวะมลพิษต่างๆ
ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนคัดค้านเส้นทางการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่เส้นผ่ากลางเมืองเส้นนี้ และได้เสนอให้การทางรถไฟแห่งประเทศไทยปรับเปลี่ยนเส้นทางการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ให้เลี่ยงออกไปนอกตัวเมืองเพชรบุรีไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่มีความคืบหน้า ครั้งนี้จึงได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือแสดงเจตนารมน์คัดค้านเส้นทางรถไฟรางคู่ผ่าเมืองดังกล่าวอีกครั้ง
เบื้องต้น นายสรายุทธ ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ และจะเสนอข้อร้องเรียนดังกล่าวไปยัง กระทรวงคมนาคม และการทางรถไฟแห่งประเทศไทย ส่วนกรณีการเคลื่อนย้ายแท่งแบริเออร์ที่วางขวางถนน บริเวณสนามกีฬาดอนคานจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเคลื่อนย้ายออกนอกผิวการจราจรโดยเร็ว ทั้งนี้ผู้ร้องเรียนขอทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอดังกล่าว ภายในวันที่ 29 มกราคม 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี