แกนนำพูโลจี้ให้ทบทวน
ทหารบวชพระ
ชี้เป็นฝ่ายจุดไฟใต้เสียเอง
กอ.รมน.ภ.4ปัดยิงโดนเด็ก
เล็งเอาผิดให้ข่าวบิดเบือน
“แกนนำพูโล” เรียกร้อง“กองทัพ” ทบทวนนโยบายเกณฑ์ทหารมาบวชเป็นพระในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ถือเป็นฝ่ายจุดไฟเสียเอง แนะตรวจสอบเหตุยิง “โต๊ะอิหม่าม-พระสงฆ์” ให้แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของฝ่ายไหน ด้านโฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงเหตุปะทะที่ยะหริ่ง ไม่ใช่กระสุน จนท.ถูกเด็ก 8 ขวบ พร้อมจ่อเอาผิดพวกบิดเบือน
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนไหวของขบวนการพูโล นำโดย นายกัสตูรี มะโกตา ได้เผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นภาษาไทย มาเลเซียและอังกฤษ โดยมีเนื้อหามีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายการให้กำลังพลทหารอาสา มาบวชพระในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงเรียกร้องให้มีการทบทวนและยังเรียกกำลังทหารออกจากพลเรือน มิเช่นนั้นถ้าเกิดการสูญเสียในอนาคตต้องรับผิดชอบ พร้อมระบุถึงการสูญเสียโต๊ะอิหม่ามในรอบเดือนที่ผ่านมาเสียชีวิตไปแล้วถึง3ราย แล้วยังมีการก่อเหตุบุกยิงพระในวัดรัตนานุภาพ จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนให้แน่ชัดว่าเป็นการกระทำของฝ่ายไหน โดยมีถ้อยคำแถลงดังนี้
ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เตรียมแผนรับทหารสมัครใจบวชตามวัดในเขตพื้นที่ยึดครองปาตานีนั้น แม้ว่ามันยังไม่ผิดกฎหมายภายใต้ IHL แต่ถ้าทหารคละเคล้าเต็มตามวัดต่างๆ สถานะวัดจึงเปลี่ยนเป็นแยกกันไม่ออกทันทีระหว่างทหารกับพลเรือน อาจถูกกำจัดโดยพลาดพลั้งถึงพลเรือนอีกก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นกองทัพไทยต้องรับผิดชอบต่อเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ หากครั้งนี้เป็นการตอบโต้การสังหารเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าอีกเหตุการณ์หนึ่ง แทนที่จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดจริง แต่น่าเสียดายที่ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ จุดไฟเสียเองซึ่งก็ป่วยการที่เราทุกคนพยายามที่จะดับมันจนทุกวันนี้
และอย่าลืมว่ามีหลายกรณีที่เราทราบดีว่าทางกองกำลังยึดครองไทยปฏิบัติการที่เรียกว่าเป็นการก่อความรุนแรงตามแผน! แค่เดือนนี้เดือนเดียว มีอิหม่ามเสียชีวิต3คนแล้ว มีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะของเจ้าหน้าที่ อ.ยะหริ่ง แม่ค้าหญิงถูกรีดไถโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นสุไหงโกลกนั้น กองกำลังยึดครองไทยยังจะทำตัวเยี่ยงอาชญากรเช่นนี้อีกนานสักแค่ไหน? ดังนั้นเราจึงขอให้พล.อ.อภิรัชต์ ทบทวนหรือแผนการอันตรายของท่านเสีย เผื่อว่ากระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินการด้วยดีในขณะนี้ เดินหน้าต่อไปเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน
ทางด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมและปะทะคนร้ายเสียชีวิต2 ราย ตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับ ป.วิอาญา รวม 7หมาย,ตรวจยึดอาวุธปืน AK.47 จำนวน 1 กระบอก และปืนพก 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเด็กอายุ 8 ขวบ ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อ 12 มกราคม เวลา 04.00–08.00 น. ที่บ้านเลขที่ 152/2 บ้านท่าด่าน หมู่ 3 ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานีและมีผู้โพสต์ภาพข่าว โดยอ้างว่ากระสุนมาจากนอกตัวบ้านมาโดนเด็ก และเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ออกจากบ้าน
ต่อมา สำนักข่าว Wartaniได้เผยแพร่คลิปสัมภาษณ์นางสะมะเลาะ อาแว อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นยายของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำหลานที่ได้รับบาดเจ็บออกจากบ้าน และอ้างว่าเงินหายไปจากบ้าน 15,000 บาท หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในบ้าน ต่อมาภายหลังได้มีการแชร์คลิปและวิจารณ์โจมตี การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างกว้างขวาง
ในการนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจง ว่า การเข้าบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง สอดคล้องกับคำให้การของ นายมิ สาแม อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านที่ให้การว่าเมื่อรถเจ้าหน้าที่มาจอดหน้าบ้านกลุ่มคนร้ายทั้ง 2 คน ซึ่งอยู่ภายในบ้านได้วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้านก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และจากการตรวจสอบภายหลังพบว่ามีรอยกระสุนทะลุจากประตูห้องครัวหลังบ้านเข้ามา 1 นัด ก่อนทะลุเข้าผนังคอนกรีตภายในบ้าน ต่อมาภายหลังทราบว่ามีเด็กได้รับบาดเจ็บภายในบ้าน จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อเข้าช่วยเหลือเด็กทั้งๆ ที่กลุ่มคนร้ายยังคงระดมยิงใส่ตลอดเวลา จึงสามารถยืนยันได้ว่ากระสุนที่ยิงโดนเด็กไม่ใช่จากเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปรวบรวมพยานหลักฐานบริเวณที่เกิดเหตุและตรวจค้นภายในบ้าน โดยมีเจ้าของบ้านเป็นผู้นำตรวจ เพื่อป้องกันการกล่าวหาในภายหลังว่าทรัพย์สินสูญหายซึ่งมักจะถูกนำมาใช้กล่าวอ้างภายหลังการเข้าตรวจค้น ขอให้สังคมสนใจสาระสำคัญของเหตุการณ์และพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านทั้งอุปกรณ์รักษาพยาบาล, ถุงน้ำเกลือและยารักษาโรค ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของเข้าของบ้านที่สารภาพว่า คนร้ายทั้ง 2 คน ได้เข้ามาพักรักษาตัว ตั้งแต่ 11 มกราคม เวลา 04.50 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม เวลา 04.30น.โดยไม่แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนไปยังบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับเจ้าของบ้านนอกจากมีความผิดฐานให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงแล้ว จะต้องตรวจสอบพฤติกรรมเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงด้วยหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีการเผยแพร่คลิปการให้สัมภาษณ์ของ นางสะมะเลาะ อาแว โดยสำนักข่าว Wartani หากตรวจสอบแล้วเป็นเจตนาที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี