24 ม.ค. 62 น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรปลูกผัก ผลไม้ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย กว่า 100 ราย เดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งสืบเนื่องจากกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินได้แสดงความคิดเห็นต่อการยกเลิกใช้สารพาราควอต (Paraquat) ซึ่งขัดแย้งกับมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ให้จำกัดการใช้ โดยให้สามารถใช้ได้ภายใต้การควบคุมอย่างเหมาะสมนั้น เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องและเป็นกลาง
น.ส.อัญชุลี กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ตนนำมามอบให้ผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลทางวิชาการ ห้องปฏิบัติการกลางที่มีเครื่องมือตรวจสอบและได้รับมาตรฐานสากล ร่วมกับประสบการณ์จริงของเกษตรกรที่ไม่เคยประสบปัญหาด้านสุขภาพตามข้อกล่าวอ้างต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงผลการตรวจสอบวิเคราะห์ดินและน้ำจาก จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมย้ำว่าไม่พบสารพาราควอตตกค้างตามที่เอ็นจีโอบางกลุ่มกล่าวอ้าง
ขณะที่นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวเสริมว่า ข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของสารพาราควอตได้รับการพิจารณาแล้วว่า ไม่เป็นความจริง เพราะขาดข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ และหลักฐานพิสูจน์ โดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีฯ ซึ่งมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
จึงอยากให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน หยุดทำร้ายเกษตรกรทั่วประเทศ ด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจ อย่าฟังความข้างเดียว เปิดใจรับข้อเท็จจริงทั้งสองด้าน และอย่าซ้ำเติมด้วยปัญหาใหม่ที่ส่งผลกระทบทำลายชีวิตเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 5 ล้านครอบครัว และเกษตรกรรายย่อย 17 - 20 ล้านคน เพราะปัจจุบันผลผลิตทางการเกษตรตก ราคาต่ำ ต้นทุนเพิ่ม การออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เกษตรกรหวังว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับฟังและตัดสินอย่างเป็นกลาง โดยใช้ข้อเท็จจริงมากกว่าความคิดเห็น
ในวันเดียวกัน เครือข่ายเกษตรกรดังกล่าวได้ไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย ณ กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอบคุณนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย หลังจากคณะกรรมการฯ มีมติเมื่อ 23 พ.ค. 2561 ไม่แบนการใช้ 3 สารเคมี พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต แต่ให้จำกัดการใช้แทน
โดย ดร.นพ.สมชัย บวรกิตติ ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า คนที่รู้ความแล้วคงพอรู้ว่าสารทุกชนิดที่คนนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ทางเกษตรกรรมหรือทางแพทย์เป็นสารพิษทั้งนั้น มากน้อยแล้วแต่ชนิดสาร แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้สารพิษจริงๆ ก็หาวิธีการควบคุมการใช้ให้ถูกต้อง เช่น ยาที่หมอใช้รักษาคนไข้ก็มีพิษ แต่เขามีเอกสารแจ้งวิธีใช้ที่ถูกต้อง ถ้าคนไข้เอาไปใช้อย่างถูกต้องก็ได้ประโยชน์และไม่เกิดโทษ มีข่าวบ่อยๆ ที่คนเอายาไปกินฆ่าตัวตายกัน สารทางเกษตรกรรมก็เช่นกัน การใช้ก็เป็นประโยชน์ถ้ามีการกำกับดูแลอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ยังเดินทางไปขอพบนางวิไลวรรณ พรหมคำ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เพื่อให้กำลังใจและขอให้พิจารณาในเรื่องมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีที่ให้ลดการนำเข้าสารเคมี ทำให้เกิดการกักตุนสินค้า ปริมาณความต้องการซื้อสูงกว่าปริมาณการขาย ส่งผลเกษตรกรต้องซื้อในราคาแพงขึ้นโดยรวมปีละ 2,000 ล้านบาท อีกทั้งเครือข่ายเกษตรกรได้ตรวจสอบสารชีวภัณฑ์ที่อ้างว่าทดแทนได้ พบว่ามิได้เป็นสารธรรมชาติแต่อย่างใด แต่กลับมีส่วนผสมของสารเคมีเช่นเดิมและมีข้อสงสัยด้านความปลอดภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี