วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ม็อบยันบุกทำเนียบฯจี้นายกฯยกเลิก‘เขื่อนวังหีบ’ รักษาป่าโบราณผืนสุดท้าย
27 ม.ค.62 นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรณีเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง มาปักหลักชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าสู่วันที่ 3 พร้อมเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเขื่อนคลองสังข์ โครงการเขื่อนวังหีบ โครงการคลองผันน้ำเมืองนคร และโครงการประตูกั้นน้ำปากประ ซึ่งมีการใช้ถ้อยคำรุนแรง ตำหนิหน่วยงานรัฐนั้น ล่าสุดตนสั่งการให้ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ใช้ความอดทนและอดกลั้น ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาด้วยถ้อยคำใดๆ ขอให้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงและระเบียบกฎหมาย อย่าได้โต้ตอบด้วยถ้อยคำหรือการกระทำที่รุนแรงอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ ย้ำว่า ชาวบ้านที่เดินทางมายังมีข้อข้อสงสัยในรายละเอียดและขั้นตอนการดำเนินการตามโครงการ ดังนั้นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนี้คือ ชี้แจงรายละเอียดที่ชาวบ้าน รวมถึงประชาชนทั้งประเทศให้เข้าใจในข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องทั่วถึง

นายกฤษฎา กล่าวถึงการที่ทางเครือข่ายระบุรัฐจะเดินหน้าโครงการต่อ โดยไม่ฟังข้อท้วงติงของชาวบ้านในพื้นที่ โดยยืนยันว่า กระทรวงเกษตรฯ ไม่ดึงดันเดินหน้าต่อ เนื่องจากเข้าใจในความเดือดร้อนของประชาชน ได้สั่งการให้กรมชลประทานส่งรายละเอียดแผนงาน ผลการศึกษา และขั้นตอนต่างๆ ที่ดำเนินการไปแล้วรายงานมา
ทั้งนี้ แนวทางที่กรมชลประทานระบุถึง โครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง ซึ่งเดิมมีข้อร้องเรียนจากชาวบ้านตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน เมื่อปี 2555 ว่า ทำการเกษตรแล้วมีปัญหาน้ำเค็มรุก จึงได้กำหนดแผนป้องกัน แต่หากชาวบ้านขอให้ยกเลิก ไม่ให้มีการออกแบบโครงการใดๆ โดยระบุว่า คลองปากประไม่มีปัญหาน้ำเค็มรุกแล้ว ภาครัฐประสงค์จะลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน หากเห็นตรงกันว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องทำโครงการใดๆ ในเวลานี้ กรมชลประทานยืนยัน จะยกเลิกประตูกั้นน้ำปากประ
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการอื่นๆ ก็เช่นกัน รัฐให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงต้องการให้มาร่วมกันตั้งเป็นคณะทำงานประกอบด้วยชาวบ้าน กรมชลประทาน อาจมีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ร่วมด้วยตามที่ชาวบ้านต้องการ เมื่อมีความเห็นตรงกันว่า ส่วนใดของโครงการไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ภาครัฐจะแก้ไข ส่วนใดที่ประชาชนยังเดือดร้อนอยู่เกี่ยวกับเรื่องน้ำ แต่เห็นตรงกันว่า สามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีอื่นได้ จะทบทวน ไม่ดื้อดึงที่จะเดินหน้าตามผลการศึกษาเดิม
สำหรับเรื่องงบประมาณโครงการที่ตั้งไว้นั้น ตั้งมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางเครือข่ายฯ ระบุว่า ตั้งงบประมาณสูงนั้น หากตั้งคณะทำงานร่วม แล้วพบว่า ไม่สมควรทำโครงการขนาดใหญ่ เปลี่ยนเป็นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ งบประมาณต้องลดลงตามขนาดและปริมาณงานเช่น โครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ จังหวัดพัทลุง ซึ่งครม. อนุมัติงบ 2,300 ล้านบาท ถ้าตรวจสอบร่วมกันแล้วปรากฏว่า แนวทางการแก้ไขจะไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่หรือตัด ปรับ ส่วนใดออก งบประมาณจะต้องปรับลดลงแน่นอน
“กระทรวงเกษตรฯ ยินดีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วม หากชาวบ้านร่วมกับภาครัฐเพื่อสำรวจพื้นที่ตามแผนการดำเนินงานอย่างละเอียด แล้วพบว่า มีส่วนใดไม่ถูกต้อง สามารถชี้ให้ภาครัฐแก้ไขได้ทันที” นายกฤษฎากล่าว
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากนายกฤษฎา ให้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุงตามประเด็นข้อสังเกตและข้อสงสัยของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้เตรียมข้อมูลผลการศึกษาและข้อมูลทางวิชาการ รวมถึงแผนงานที่ได้ดำเนินการมาเพื่อชี้แจงให้ทั้งทางเครือข่ายฯ ชาวบ้านในพื้นที่ และประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ ทั้งนี้ในวันศุกร์ที่ผ่านมากรมชลประทานได้พูดคุยกับเครือข่ายฯ แล้วโดยจะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของชาวบ้านมาทบทวนและจัดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อทำความเข้าใจกัน

อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่า หากทางเครือข่ายฯ ร่วมกับภาครัฐเพื่อทบทวนโครงการและมีความเห็นตรงกันว่า แนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งและพัฒนาแหล่งน้ำในภาคใต้ที่เหมาะสมควรทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ จึงจะดำเนินการต่อไป สำหรับกระบวนการที่ดำเนินการมาเป็นขั้นตอนการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่หากทางเครือข่ายฯ มองว่า ยังทำไม่สมบูรณ์ หรือขาดตกบกพร่องทางกรมชลประทานพร้อมดำเนินการกระบวนการมีส่วนร่วมใหม่ โดยไม่ดึงดันเดินหน้าโครงการต่อโดยที่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน สำหรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ทางเครือข่ายฯ มีข้อกังวลนั้น กรมชลประทานยืนยันว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นขั้นตอนที่จะทำ หลังจากที่ได้ผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมทบทวนโครงการแล้วทั้ง 4 โครงการ
ทั้งนี้ล่าสุดทางเครือข่ายฯ ได้ออกแถลงการณ์ยืนยัน ให้รัฐทบทวนโครงการทั้ง 4 โครงการใหม่ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ที่จะยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี โดยจะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (28ม.ค.) เวลา 10.00 น.ต้องการให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยกเลิกโครงการเขื่อนวังหีบ เพราะกระทบโดยตรงกับความเป็นอยู่ชาวบ้านต้องอพพย จากที่อยู่ที่ทำกิน และเพื่อปกป้องผืนป่าโบราณผืนสุดท้ายของประเทศไว้ อนุรักษ์ไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับชุมชนยั่งยืนกว่ามีเขื่อน
ทางด้านนายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า ได้รับทราบนโยบายของรัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ แล้ว ซึ่งจะได้นำมาหารือด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี