สทนช.เปิดโรดแมปดันแผนน้ำชาติ ทุ่มงบ3.3แสนล้านบาท112โครงการ ลุยเดินหน้าสร้างปี62-65 แจ้งเกิดกฎหมายน้ำของประเทศ เร่งทำประชาพิจารณ์ก่อนคิดอัตราเก็บค่าน้ำภาคอุตสาหกรรม ส่วนเกษตรกรใช้น้ำเพื่อครองชีพ ยันไม่ต้องจ่ายค่าใช้น้ำ
29 ม.ค.62 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง "เหลียวหน้าแลหลังแนวทางการบริหารจัดการน้ำของชาติ 20 ปี ภายใต้การแจ้งเกิด พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561" ว่า พ.ร.บ.นี้เป็นกฎหมายน้ำฉบับแรกของประเทศ ซึ่งรัฐบาลคาดหวังจะทำให้เกิดการบูรณาการ การใช้ พัฒนา บริหารจัดการ ฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำที่เป็นเอกภาพ มีมาตรการป้องกันแก้ไขน้ำแล้ง-น้ำท่วม วางหลักเกณฑ์ในการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำสาธารณะ มีองค์กรในการบริหารจัดการน้ำระดับชาติ ระดับลุ่มน้ำ และระดับองค์กรผู้ใช้น้ำ สะท้อนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำ ให้มีความประสานสอดคล้องกันในทุกมิติอย่างสมดุลและยั่งยืน 8 เรื่อง คือ การจัดสรร การใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และสิทธิในน้ำรวมทั้งจะมีการวางหลักเกณฑ์ในการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำสาธารณะ การจัดทำนโยบายและแผนบริหารทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งจะทำให้เกิดองค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำใน 3 ระดับ คือ ระดับชาติ ระดับลุ่มน้ำ และระดับองค์กรผู้ใช้น้ำ
ขณะนี้ สทนช.เตรียมนำกฎหมายลูกต่างๆ เช่น การกำหนดพื้นที่ลุ่มนํ้าและการอนุญาตการใช้นํ้า และการเก็บค่านํ้า เพื่อออกไปรับฟังความคิดเห็นในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องการเก็บค่านํ้า ทาง สทนช.อยู่ในช่วงศึกษาการเก็บค่านํ้าของชลประทานและการจัดเก็บค่านํ้าบาดาล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายมากที่สุด และการน้ำใช้ในขั้นพื้นฐานการดำรงชีพจะไม่มีการเก็บค่านํ้าอย่างแน่นอน ส่วนจะเก็บจากอุตสาหกรรมขนาดไหน เก็บอย่างไร ตรงนี้จะต้องไปรับฟังความคิดเห็นและศึกษาให้รอบคอบที่สุด
นายสมเกียรติ กล่าวว่า สทนช.จะทำหน้าเป็นเสนาธิการน้ำและเป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) โดยให้มีหน้าที่และอำนาจสำคัญ ในการจัดทำผังน้ำเชื่อมโยงการดำเนินงานกับคณะกรรมการลุ่มน้ำ หน่วยงานของรัฐ/อปท.และภาคส่วนต่างๆ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.น้ำฯ อำนวยการและกำกับดูแลโครงการสำคัญระดับชาติหรือโครงการเร่งด่วน ตลอดจนบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาภาวะวิกฤตน้ำที่นายกรัฐมนตรีบัญชาการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจในขณะที่ สทนช.ภาค มีบทบาททำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ำ และดำเนินการให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ คาดภายใน 2 ปี จะสามารถกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ ตามหมวด 4 และกฎหมายว่าด้วยการยื่นคำขอรับใบอนุญาตการใช้น้ำ ตามมาตรา 104 แล้วเสร็จ
สำหรับประโยชน์จากการบริหารทรัพยากรน้ำภายใต้บังคับ พ.ร.บทรัพยากรน้ำฯ จะทำให้มีนโยบายการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ จะทำให้มีแผนแม่บทการบริหารทรัพยากรน้ำที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยในระดับลุ่มน้ำจะมีแผนแม่บทการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ ซึ่งจะเป็นแผนที่ที่กำหนดทางเดินให้ไปถึงจุดหมาย ที่ทำให้มีความมั่นคงและยั่งยืนด้านน้ำ
มีการบริหารจัดการน้ำครอบคลุมทุกบริบทของน้ำ ทั้งน้ำในบรรยากาศ น้ำบนดิน น้ำใต้ดิน และน้ำทะเล ตลอดจนบริหารจัดการโดยองค์กรระดับชาติ ระดับลุ่มน้ำ และองค์กรผู้ใช้น้ำ ในขณะที่ประชาชนเองก็จะมีสิทธิใช้น้ำตามสิทธิขั้นพื้นฐาน และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่สำคัญคือจะทำให้ประเทศไทยมีแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้ง และแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมที่บูรณาการร่วมกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต
"จะเร่งขับเคลื่อนแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ให้สอดคล้องกับพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ จำนวน 66 พื้นที่ แบ่งเป็นพื้นที่ประสบปัญหาด้านน้ำ 53 พื้นที่ รวม 34.62 ล้านไร่ น้ำท่วม 11.24 ล้านไร่ น้ำแล้ง 6.87 ล้านไร่ ประสบปัญหาทั้งน้ำท่วม และน้ำแล้ง 16.51 ล้านไร่ ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ 0.001 ล้านไร่ และพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ 13 พื้นที่ 10.81 ล้านไร่ แผนงานโครงการที่จะดำเนินการปี 63 จำนวน 46 โครงการ วงเงิน 34,166 ล้านบาท ปี 64 จำนวน 52 โครงการ วงเงิน 189,755 ล้านบาท ปี 65 จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 76,738 ล้านบาท ซึ่งในปี 62 นี้ ได้ดำเนินการไปแล้ว 7 โครงการ วงเงิน 2,660 ล้านบาท รวมแผนงานโครงการ ปี 62 - 65 จำนวน 112 โครงการ วงเงินรวม 330,319 ล้านบาท รวมทั้งศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบด้านสุขภาพประชาชน ใน 5 ลุ่มน้ำสำคัญ ได้แก่ สะแกกรัง ปราจีนบุรี-บางปะกง ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ชี มูล" นายสมเกียรติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี