จากกรณีมีข่าวการปลอมปนในข้าวขาวดอกมะลิ 105 ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและชื่อเสียงข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งแก้ไขปัญหานั้น ว่าที่ร้อยตรี ดร.กฤษณพงศ์ ศรีพงษ์พันธุ์กุล อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ข้าวที่มีอ้างว่าถูกนำมาผสมในข้าวขาวดอกมะลิ 105 นั้นคือ ข้าวหอมพวงเป็นข้าวเจ้าพื้นนุ่มอายุเก็บเกี่ยวสั้น 90-95 วัน และเชื่อกันว่าเป็นข้าวที่ผู้ประกอบการลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศให้ชาวนาเพาะปลูกในจ.สุพรรณบุรีประมาณปี 2558 แต่สันนิษฐานว่าข้าวดังกล่าวไม่ใช่ข้าวหอม Jasmine 85 ของประเทศเวียดนาม โดยมีผู้ประกอบการผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่ายให้ชาวนาทั้งที่ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชจากกรมวิชาการเกษตร และไม่ได้รับรองพันธุ์จากกรมการข้าว แต่มีชาวนาไม่น้อยหลงเชื่อผู้ประกอบการที่ชักชวนให้ซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเหล่านี้ ด้วยเห็นว่าเป็นข้าวมีอายุสั้นและขายกลับผู้รับซื้อข้าวเปลือกได้ราคาสูงกว่าปกติตามคำโฆษณา
ปี 2560 กรมการข้าวตรวจสอบพบว่า เริ่มจำหน่ายเมล็ดข้าวหอมพวงเพื่อการค้า ทั้งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์ตามพ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 ซึ่งผิดกฎหมาย และกระจายการปลูกในจังหวัดใกล้เคียง กรมการข้าวจึงเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่ทำความผิดตามพ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของข้าวหอมพวง ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ปลอมปน ไม่ได้คุณภาพ และโฆษณาคุณภาพเป็นเท็จ กระทั่งตรวจพบการทำผิด จึงดำเนินคดีกับสถานที่รวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้าที่รวบรวมและขายเมล็ดข้าวหอมพวง 2 ราย ในจ.สุพรรณบุรีและ 1 ราย ที่จ.พิษณุโลก
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังมีการลักลอบจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมพวงและชักจูงชาวนาให้หลงเชื่อ โดยปลูกมากที่จ.นครสวรรค์ คาดว่ามีพื้นที่ปลูกประมาณ 9,300 ไร่ ใน 10 ตำบลของอ.ชุมแสง หน่วยสารวัตรเกษตรของกรมการข้าวเข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชในอ.ชุมแสง แต่ไม่พบการทำผิดตามพ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่มีท่าข้าวที่รับซื้อ 2 แห่งคือ ท่าข้าวนโมและท่าข้าวไพรทอง อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ จึงเข้าตรวจสอบ พร้อมทั้งเข้าเก็บตัวอย่างข้าวหอมพวง ซึ่งทราบว่าให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกเกี่ยวสดในราคาตันละ 8,000–9,000 บาท สูงกว่ากว่าข้าวขาวปกติทั่วไปที่มีราคาประมาณตันละ 7,500–7,800 บาท และส่งต่อข้าวเปลือกไปยังผู้ประกอบการโรงสีใน จ.นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี
ผลตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพเบื้องต้นของตัวอย่างข้าวที่สุ่มเก็บมา 2 ตัวอย่าง พบว่ามีเมล็ดข้าวพันธุ์อื่นปนมากถึง 70 เมล็ดในตัวอย่าง 500 กรัม ขณะเดียวกันพบข้าวแดงปนมากถึง 190 เมล็ดในตัวอย่าง 500 กรัม กล่าวได้ว่า ผลผลิตข้าวเปลือกดังกล่าว แท้จริงมีพันธุ์ปนสูงมาก ดังนั้น จึงขอให้เกษตรกรที่ประสงค์จะปลูกข้าวพื้นนุ่มหันมาปลูกข้าวที่ได้รับการรับรองพันธุ์จากกรมการข้าว เช่น พันธุ์ กข21 มีความต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หรือพันธุ์กข77 ที่มีคุณภาพเมล็ดดีให้ผลผลิตสูง และขณะนี้กรมการข้าวเตรียมรับรองพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่เพิ่มเติม คือ พันธุ์ กข79 ที่อายุสั้น ผลผลิตสูงต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ต้านทานโรคไหม้ และมีคุณภาพการสีเป็นข้าวสารคุณภาพดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี