29 ม.ค.62 พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายกมลธรรม วาสบุญมา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะ ลงพื้นที่สางปัญหาการประกาศแนวเขตพื้นที่ทับซ้อนในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับกรมธนารักษ์ เป็นเหตุกระทบชาวบ้านในพื้นที่ยืดเยื้อกว่า 30 ปี ตลอดจนเร่งผลักดันแผนวางท่อน้ำประปาจากฝั่งสู่เกาะเสม็ด ลดภาระราคาน้ำประปาแพง หนุนพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนบนเกาะเสม็ดอย่างยั่งยืน
พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า เดิมเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง มีสถานะเป็นที่ดินราชพัสดุทั้งเกาะ มีเนื้อที่ประมาณ 4,200 ไร่ ต่อมา พ.ศ. 2524 ได้ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาแหลมเทียน เขาเปล็ด เขาแหลมหญ้า เกาะเสม็ด และเกาะใกล้เคียง ในพื้นที่ท้องที่ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง และตำบลแกลง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เหลือที่ดินเพียงประมาณ 700 ไร่ ที่ยังคงเป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งก็เกิดปัญหาความไม่แน่ชัดของแนวเขตมาโดยตลอด เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานใช้แผนที่อ้างอิงกันคนละฉบับ จนเป็นเหตุให้ประชาชนที่เช่าที่ราชพัสดุจากกรมธนารักษ์บางกลุ่มถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เป็นปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ยืดเยื้อมากว่า 30 ปี
โดยมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มผู้มีสิทธิ์การเช่าซึ่งได้รับการผ่อนปรนตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) ปี 2543 ซึ่งเดิมมีเพียงจำนวน 49 ราย แต่ปัจจุบันได้ขยายเป็นจำนวน 168 ราย บางรายมีการเปลี่ยนแปลงผู้เช่าที่ไม่ใช่ทายาทตามมติกบร. ดังกล่าว จึงเกิดปัญหาการขออนุญาตการก่อสร้างและปลูกสร้างอาคาร เนื่องจากไม่มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงผู้เช่าจากกรมธนารักษ์ให้กรมอุทยานฯ ทราบ รวมถึงปัญหาการรุกล้ำชายหาดและบุกรุกบริเวณอื่น ๆ ด้วย 2) กลุ่มประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตชุมชนดั้งเดิม รวมถึงวัดและโรงเรียน ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอุทยานหรือที่ราชพัสดุที่จะสามารถให้เช่าได้หรือไม่ 3) กลุ่มประชาชนที่เช่าพื้นที่ราชพัสดุ 700 ไร่ ตามแนวเขตของแผนที่ปี 2542 ที่ไม่ตรงกับแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาของกรมอุทยานฯ กลายเป็นบางส่วนรุกล้ำเข้ามาในเขตอุทยาน
โดยในวันนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้แก่ นายธีรวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กอ.รมน.จังหวัดระยอง กรมธนารักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด อีกทั้งได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการที่ดินและผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศมาลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในการกำหนดแนวเขตบนเกาะเสม็ด รวมทั้งตรวจสอบเทียบเคียงแผนที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาได้
โดยให้จังหวัดระยองแก้ไขมติกบร. เมื่อปี 2543 ที่จำกัดจำนวนผู้เช่าเพียง 49 ราย ในเขตอุทยาน ให้แก้เป็นจำกัดจำนวนเนื้อที่แทน และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้เช่า ให้กรมธนารักษ์แจ้งชื่อให้กรมอุทยานฯ ทราบ เพื่อประกอบการพิจารณาเมื่อมีการขออนุญาตก่อสร้าง และให้กรมอุทยานฯ กรมธนารักษ์ และกอ.รมน. ไปดำเนินการตรวจสอบ จัดทำ และรับรองแนวเขตพื้นที่เกาะเสม็ดในส่วนที่คาบเกี่ยวระหว่างเขตอุทยานเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดกับที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ และในพื้นที่อุทยานที่ผ่อนผันให้ราษฎรได้รับสิทธิ์การเช่าให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน สำหรับเขตชายหาดซึ่งเป็นเขตเข้มงวดของกรมอุทยานฯ เป็นสมบัติของแผ่นดินไม่ใช่ผู้หนึ่งผู้ใด ให้กรมธนารักษ์แจ้งราษฎรที่ได้เช่าพื้นที่อยู่ทราบ พร้อมทั้งให้เจรจายกเลิกสัญญาเช่า แล้วคืนพื้นที่ให้อุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้ ในพื้นที่เขตชุมชน วัด และโรงเรียน ที่ตั้งอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานเขาแหลมหญ้า ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการของมติคทช.ที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าได้อยู่อาศัยต่อไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนกรณีประชาชนบนเกาะเสม็ดโดยเฉพาะทั้งวัดและโรงเรียนที่เดือดร้อนต้องแบกรับภาระในการซื้อน้ำประปาราคาสูงถึงคิวละ 400 - 500 บาท จากฝั่งมาใช้ในการอุปโภคและบริโภคมาอย่างยาวนานนั้น ให้กรมอุทยานฯ เร่งพิจารณาโครงการวางท่อน้ำประปาจากฝั่งไปยังเกาะเสม็ดตามที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองได้เสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) หรือรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Checklist) แผนการบำบัดน้ำเสียบนเกาะเสม็ด แต่ให้แยกการดำเนินการระหว่างการวางระบบน้ำประปาและแผนการบำบัดน้ำเสียนั้น ให้ดำเนินงานคู่ขนานกันไป ในมาตรการระยะสั้น ให้จังหวัดระยองเร่งจัดหางบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาใน
เบื้องต้นก่อน สำหรับมาตรการระยะยาว ให้จังหวัดระยองดำเนินการของบประมาณเพื่อดำเนินการให้ครบถ้วนตามแผนการบำบัดน้ำเสียหลังจากอบจ.ขอออนุมัติและได้รับความเห็นชอบจากกรมอุทยานฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องระบบการกำจัดขยะที่ทางอบจ.เสนอมานั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินจะนำไปศึกษาและลงพื้นที่แก้ไขปัญหาร่วมกับจังหวัดระยองโดยเร็ว ทั้งนี้ ปัญหาต่าง ๆ จะหมดไป หากร่วมกันพิจารณาอย่างรวดเร็ว ก็ย่อมเป็นผลดีต่อประชาชนที่จะมีน้ำประปาใช้ในราคาที่เป็นธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี