ปิดรร.ทั่วกรุงหนีฝุ่น
กทม.ประกาศเขตมลพิษ
นายกฯสั่งใช้มาตรการเข้ม
ยึดรถควันดำ-ทหารตรวจรง.
ฝุ่นพิษ กทม.-ปริมณฑลพุ่งไม่หยุดเกินมาตรฐาน 39 เขต คาดยาวถึง 4 กุมภาพันธ์ พระราม 2 หนักสุดพุ่ง 145 มคก./ลบ.ม. ผู้ว่าฯอัศวิน ประกาศกทม.เป็นพื้นที่ควบคุมคุณภาพอากาศ สั่งปิดรร.ในสังกัด 437 โรง ศธ.รับลูกปิด รร.-มหาวิทยาลัย 2 วัน ถึง 1 กุมภาพันธ์ จัดโดรน 50 ตัว พ่นน้ำสกัดฝุ่น นายกฯสั่ง คพ.รายงานคุณภาพอากาศทุกวัน คาดโทษผอ.เขต เกียร์ว่าง ฮึ่มมาตรการเด็ดขาด เจอรถควันดำยึด ห้ามวิ่ง ส่ง กอ.รมน.ตรวจโรงงาน
สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เข้าขั้นโคม่า หลังปริมาณฝุ่นเกินมาตรฐานต่อเนื่องนับสัปดาห์ สุดท้ายภาครัฐต้องประกาศให้กทม.เป็นเขตควบคุมมลพิษและสั่งปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัยหลายร้อยแห่งถึงสัปดาห์หน้า ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
กทม.ฝุ่นพิษพุ่งพระราม2ทะลุ145
เมื่อวันที่ 30 มกราคม กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนหรือ PM 2.5 ในกทม.และปริมณฑล จากสภาพอุตุนิยมวิทยา ที่อากาศช่วงเช้าลอยตัวได้น้อย ลมสงบ ทำให้สถานการณ์ PM2.5 พื้นที่ กทม.และปริมณฑล ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 29 มกราคมทุกพื้นที่
ทั้งนี้ มีค่าฝุ่นละอองอยู่ที่ 59-145 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานจนกระทบสุขภาพคือบริเวณริมถ.คู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร. พบค่าฝุ่นละออง 145 มคก./ลบ.ม. ซึ่งสูงที่สุดช่วงปีนี้และบริเวณถ.ริมกาญจนาภิเษก ซึ่งวันนี้ค่าฝุ่นละอองขึ้นสีแดงเช่นกัน อยู่ที่ 90 มคก./ลบ.ม. เกินค่ามาตรฐานที่ 50 มคก./ลบ.ม. รวม 39 พื้นที่ เป็นพื้นที่ริมถนน เกินค่ามาตรฐาน 23 สถานี พื้นที่ทั่วไป เกินค่ามาตรฐาน 16 สถานี รวม 39 สถานี
คาดผลกระทบยาวถึง 4กพ.
กรมควบคุมมลพิษยังระบุด้วยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ อากาศลอยตัวได้น้อย ลมสงบ ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองมีโอกาสสะสมมากขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะเป็นไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ กทม.จัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ประสานงานกับคพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง บก.จร. ขนส่ง กองทัพ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงคมนาคม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงสาธารณสุข และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑลทั้ง 5 จังหวัด. รายงานสถานการณ์ประจำวัน และดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ปัญหา PM2.5 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถานการณ์
ประกาศกทม.เป็นพื้นที่ควบคุม
หลังคพ.ตรวจพบสภาพอากาศมีปริมาณฝุ่นพิษเกินมาตรฐานเข้าขั้นวิกฤติ มีความเคลื่อนไหวในส่วนกรุงเทพมหานคร โดยนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯกทม.เรียกประชุมด่วนร่วมกับคพ. กรมอนามัย กองบังคับการตำรวจจราจรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปมาตรการประกาศบังคับใช้กฎหมายควบคุมฝุ่นละอองทางอากาศในกทม. หลังหารือ นายทวีศักดิ์แถลงว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันให้ประกาศพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด เป็นพื้นที่ควบคุมคุณภาพอากาศ โดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข ฉบับที่ 3 พ.ศ.2560 เรื่องหลักเกณฑ์ประกาศให้กรุงเทพมหานคร เป็นเขตพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ มีสาระสำคัญคือ กำหนดห้ามนำรถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีค่าควันดำเกินค่ามาตรฐานมาวิ่งใช้งานบนท้องถนนและห้ามการเผาทุกประเภทในที่โล่ง รวมทั้งกิจกรรมที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น การก่อสร้าง ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5จุดเสี่ยงจราจรหนาแน่น-ก่อสร้าง
นายทวีศักดิ์กล่าวต่อว่า ในส่วนพื้นที่กทม.ซึ่งเป็นจุดที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด 5 จุด ในขณะนี้ คือเขตบางคอแหลม ช่วงถนนตก เขตบางเขน ถนนพหลโยธินทั้งเส้น เขตบางขุนเทียน ช่วงถนนพระราม 2 ยาวไปจนถึงจ.สมุทรสาคร เขตปทุมวัน บริเวณจามจุรีสแควร์ และเขตลาดพร้าวและวังทองหลาง โดยทั้งหมดล้วนเป็นจุดที่การจราจรหนาแน่น และเป็นจุดที่มีการก่อสร้างโครงการใหญ่ทั้งสิ้น
จัดโดรน50ตัวพ่นน้ำจุดวิกฤติ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) กล่าวกว่า จากผลตรวจสภาพอากาศของคพ.พบสูงเกินมาตรฐานทุกแห่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ นายกฯมอบนโยบายระบุ ถ้าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะวิกฤติและเป็นอันตรายต่อประชาชน จะประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุม เพื่อคุมเข้มมาตรการลดมลพิษในอากาศ ดังนั้น จึงสั่งปิดโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้งหมด และวันที่ 31 มกราคม กทม.จัดโดรน 50 ตัว พ่นละอองน้ำในจุดวิกฤติ โดยดำเนินการต่อเนื่อง 2 วัน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ กทม.จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการตรวจสุขภาพประชาชนฟรี ตั้งแต่เววลา 08.00-12.00 น. และบางพื้นที่ให้บริการเวลา 13.00-17.00 น. เพื่อให้คำแนะนำประชาชนใรการดูแลสุขภาพป้องกันตัวเองจากมลพิษ
กทม.สั่งปิดรร.ในสังกัด437แห่งถึง1กพ.
ต่อมาพล.ต.อ.อัศวินออกประกาศเพิ่มเติมสั่งโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437โรงหยุดเรียนตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันนี้ (30 มกราคม)ไปจนถึงวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ หลังค่าฝุ่นละอองในกทม.พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ป้องกันปัญหาสุขภาพของเด็กนักเรียนในกรุงเทพฯ รวมทั้งเป็นการลดการใช้รถใช้ถนนในพื้นที่ของผู้ปกครอง หลังมีการหารือร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าสถานการณ์เรื่องของค่าฝุ่นละอองอาจจะยังมีค่าสูงเกินมาตรฐานไปถึงช่วงวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องของสุขภาพวะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงจึงสั่งปิดโรงเรียนในเบื้องต้น
ศธ.ปิดรร.-อาชีวะ-มหาลัย2วันหนีฝุ่น
ด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่าหลังโรงเรียนในสังกัด กทม.ปิดเรียนไปแล้วจนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดทั้งหมด ได้ข้อสรุปว่า ศธ.มีมาตรการสั่งปิดโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ในส่วนมหาวิทยาลัย สกอ.จะทำหนังสือขอความร่วมมือให้หยุดการเรียนการสอนต่อไป โดยปิดเรียน 2 วันตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ในกทม.และปริมณฑล
สำหรับวันที่ 2 - 3 กุมภาพันธ์ที่จะทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ระดับป.6 และม.3 นั้น ไม่สามารถเลื่อนการสอบได้ เพราะดำเนินการอะไรไม่ทันแล้ว อย่างไรก็ตาม จะสั่งปิดโรงเรียนเพิ่มอีกหรือไม่ ต้องประเมินเหตุการณ์วันต่อวัน เพราะต้องประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ถ้าสัปดาห์หน้ายังวิกฤตอยู่ก็จำเป็นต้องปิดเรียนต่อไปอีก
สั่ง จนท.เข้ม ภาคเกษตร-อุตฯ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงปัญหาฝุ่นว่า รัฐบาลไม่ได้จ้องเอาผิดเกษตกรที่เผาไร่นา ส่งผลให้เกิดมลพิษ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้ง pm 2.5 และ pm 10 ต้องไปดูที่มาสาเหตุทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปสำรวจตรวจสอบอย่างเข้มงวดอีกครั้งทั้งหมด
ย้ำแจ้งค่าฝุ่น-แก้ไม่คืบคาดโทษผอ.เขต
นอกจากนี้ ยังย้ำในสิ่งที่ตนสั่งการไปแล้วคือ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งสภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ ทุกเขต ทุกวัน หากเขตใดไม่แก้ไขอะไรเลย ไม่ชี้แจงว่าทำอะไรไปแล้วบ้างจะลงโทษผู้อำนวยการเขต และหัวหน้างานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นหน่วยวิชาการในการวัดและแจ้งข้อมูล ส่วนเรื่องจราจร การตรวจรถควันดำก็พยายามตรวจทุกพื้นที่ เมื่อตรวจมากก็บอกว่ารถติดกลายเป็นโดนด่าอีก ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของรถควรมีจิตสำนึก หากสภาพรถตัวเองเป็นอย่างไรก็อย่าขับออกมา ยืนยันรัฐบาลทำทุกวิถีทาง ไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนที่มีการหาเสียงโจมตี
ขู่ใช้ไม้แข็งยึดรถควันดำ-แบนรถดีเซล
นายกฯยังย้ำด้วยว่า การแก้ปัญหามลพิษทุกคนต้องร่วมมือกัน อย่างรถดีเซล ควรหมั่นตรวจสภาพรถจากอู่ ไม่ต้องให้ตำรวจไล่ตรวจบนถนน ต่อจากนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้อยู่เจอตรงไหนให้ตรวจตรงนั้น ถ้าควันดำให้เอารถไปเก็บจนกว่าจะปรับปรุงแล้วถึงให้วิ่งได้ ถ้าทุกคนต้องการให้ตนตรวจเข้ม ตนจะทำให้ ดูว่าจะเดือดร้อนกันหรือไม่ ถ้าแก้ไม่ได้อีก มาตรการต่อไปก็ให้วิ่งรถวันคี่วันคู่ ห้ามรถดีเซลวิ่งบนถนนเส้นนี้
ห้ามใช้รถคนเดียว
“ทุกคนบอกผมอ่อนเกินไปในเรื่องนี้ ไม่เข้มงวดไม่จริงจัง ผมพร้อมทำทุกอย่าง แต่ทุกคนต้องร่วมมือให้รีบไปแก้ตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวจะไปกำกับ คสช. ต่อไปนั่งรถคนเดียวไม่ได้ ต้องมีเพื่อน 2-3คนไปด้วยกัน ด่าผมดีนักว่าทำไมอย่างนี้ไม่ทำ ไอออกมาเป็นเลือด ผมจะทำให้ ต่อไปนี้ไปไหนชวนเพื่อนไปด้วยนั่งรถไปด้วยกัน เดี๋ยวจะไปทบทวนว่าทำได้หรือไม่ได้”นายกฯกล่าวอย่างมีอารมณ์
จ่อปิดรง.ฝุ่นพีค-ให้ททหาร-ตร.ตรวจ
และว่า ในส่วนจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนานอำเภอรับผิดชอบ โดยเฉพาะจ.สมุทรปราการและจ.สมุทรสาครต้องทำให้ลดลงให้ได้ ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมอาจต้องปิดโรงงานช่วงเช้า บ่าย หรอเย็น ในช่วง pm 2.5 สูง จึงขอให้เตรียมตัวไว้ แล้วคอยดูว่ามีอะไรกลับมาหรือไม่ จะยอมเสียสละกันหรือไม่ ให้รณรงค์ให้หยุดวันละชั่วโมงก็ยังดี อีกทั้ง จะใช้อำนาจ คสช. ให้กอ.รมน. พลเรือน ตำรวจทหารเข้าไปตรวจสอบทุกโรงงาน แล้วรายงานมาที่ตน หากพื้นที่ใดไม่ได้รับการดูแล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับโรงงานไปดูระเบียบกฎหมายเกี่ยวกับการแก้ปัญหามลพิษ รวมถึงภาคเกษตรให้ดูเรื่องการเผา ต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง
สมุทรสาครลุยตรวจรง.คุมมลพิษ
เช่นเดียวกับ นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าฯสมุทรสาครเร่งแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นละอองPM2.5เกินมาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนโดยสั่งการให้นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอเมืองสมุทรสาครพร้อมนายวสันต์ ไชยทวีวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร และนายสิริพงศ์ กลัดเจริญ ปลัดอำเภอเมือง ฝ่ายความมั่นคง นายตรวจโรงงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สมุทรสาคร ทหารค่ายกำแพงเพชรอัครโยธินผู้ใหญ่บ้านพื้นที่ลงตรวจโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงหลักในกระบวนการผลิตบริเวณต.นาดี และต.บางกระเจ้า ออกตรวจคุมเข้ม 3 โรงงานจ.สมุทรสาคร พบโรงงาน 2 แห่ง ระบบป้องกันฝุ่นยังไม่สมบูรณ์ โดย 1 แห่งมีระบบป้องกันฝุ่นถูกต้อง แต่ภายในโรงงานมีการเผากากอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้แก้ไข ส่งกากไปกำจัด ห้ามเผา และดำเนินคดีในส่วนที่ฝ่าฝืน ส่วนอีกแห่งระบบป้องกันไม่ได้มาตรฐาน เจ้าหน้าที่จึงให้หยุดใช้หม้อต้มแก้ไขจนกว่าระบบจะสมบูรณ์
“กรุงเทพ-ไทยแลนด์”ขึ้นอันดับ8
เวลา 16.17น. วันเดียวกัน เว็บไซต์ airvisual.com รายงานสภาพปริมาณมลพิษทางอากาศโดยใช้หน่วย AQI ประมวลผล พบว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยอยู่ในอันดับ 8 โดยมีคะแนนเท่ากับ Dhaka บังกลาเทศ ขณะที่มุมไบ อินเดีย ยังครองอันดับเมืองมลพิษทางอากาศเป็นอันดับที่ 1
จากข้อมูลของเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ เวลา 15.40 พบว่ากรุงเทพมหานคร เมืองหลวงประเทศไทย ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 สำหรับเมืองที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 มากที่สุด จากช่วงเช้าที่อยู่ในอันดับ 9 ซึ่งมีค่า AQI อยู่ที่ 167 ขณะที่ เชียงใหม่ อีกหนึ่งเมืองใหญ่ของไทยเองก็ติดอันดับ 11 ของโลกเช่นกัน โดยมีค่า มีค่า AQI อยู่ที่ 151 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับน่าเป็นห่วงเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี