ทนายความ“ฮาคีม”เตรียมขอประกันตัวอ้างสิทธิมนุษยชน เตรียมพร้อมทั้งหลักทรัพย์ บุคคลมีความน่าเชื่อถือ ติดกำไล EM
7 ก.พ.62 นางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความของนายฮาคีม อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ที่รัฐบาลบาห์เรน ร้องขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปรับโทษ เปิดเผยว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายฮาคีมต่อศาล โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักทรัพย์ คาดว่าน่าจะได้มาจากองค์กรด้านมนุษยชน ทั้งในและต่างประเทศ เท่าที่ทราบมีกองทุนโก ฟันด์ จากออสเตรเลีย เข้ามาช่วยแล้ว
ทั้งนี้ การขอปล่อยชั่วคราวจะยื่นทั้งหลักทรัพย์ และหลักประกันที่เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ก็ต้องเป็นบุคคลระดับสูงพอสมควร และขอรับเงื่อนไขใส่กำไลข้อเท้าหรือ กำไล EM ที่จำกัดการเดินทางของผู้ต้องหาหรือจำเลยด้วย เพราะหากจำเลยที่ประกันเดินทางออกนอกพื้นที่ตามเงื่อนไขศาล เครื่องจะส่งสัญญาณไปที่ศูนย์ควบคุมส่วนกลางให้ทราบ หากนายฮาคีม ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยใส่กำไล EM ก็จะไม่เดินทางออกไปไหน เนื่องจากจากองค์กรผู้สนับสนุนด้านมนุษยธรรม พร้อมจัดหาที่พักและค่าใช้จ่ายให้นายฮาคีมใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมแนวทางต่อสู้คดีอะไรบ้าง กี่ประเด็น นางณัฐาศิริ กล่าวว่า หลักๆจะต่อสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพหลักมนุษยชน ความเสมอภาค กับเรื่องปัญหาข้อกฎหมายใน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551ในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจของ รมว.ต่างประเทศ ที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในกรอบเวลา ซึ่งจะมีผลกระทบต่อจำเลย ประเด็นเกี่ยวกับอำนาจของพนักงานอัยการ ที่ควรพิจารณาถึงเหตุและผลในการจะพิจารณาส่งหรือไม่ส่งคำร้องต่อศาล โดยควรพิจารณาไปถึงพฤติการณ์ประกอบข้อเท็จจริง ที่ไม่ก้าวล่วงไปถึงเนื้อหาของคำพิพากษาของศาล เพียงแต่อยากให้พนักงานอัยการ ทบทวนดูสภาพลักษณะข้อหาที่อ้างว่า จำเลยกระทำผิดเอามาประกอบด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอัยการอ้างว่า คดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนต้องไม่เป็นคดีการเมือง การทหารก็พอที่จะขอส่งได้ ซึ่งมีประเด็นสำคัญจุดนี้จะต้องไปคัดค้าน เพราะที่ผ่านมาทราบว่าสำนักงานอัยการสูงสุด ก็เคย “ไม่ส่ง”บุคคลตามหมายจับต่างประเทศเพื่อข้ามแดนมาก่อนหลายคนแล้วไม่ใช่ไม่เคยมี
“คดีนี้จะส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการต่างประเทศ หากรัฐ ไม่ส่งนายฮาคีมก็จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ และความมีมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน” ทนายความของนายฮาคีม กล่าว
ทนายความของนายฮาคีม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะทำงานยังเล็งเห็นว่าการควบคุมผู้ต้องขังด้วยอุปกรณ์พันธนาการกับนายฮาคีมเป็นเรื่องไม่สมควร จริงๆแล้วไม่ควรใส่โซ่ตรวนเลย ทางกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ ก็ออกมาแถลงว่าไม่ใช่ แต่มีการบัญญัติชื่อเสียงอุปกรณ์เปลี่ยนไปเรื่อย จริงๆแล้วก็คือโซ่ ซึ่งนักกฎหมายสายมนุษยชนเห็นว่า ไม่ควรใส่เครื่องพันธนาการ ซึ่งนักกฎหมายหรือทนายมนุษยชนยังเห็นว่า โทษประหารชีวิตควรยกเลิกได้แล้ว อีกทั้งจากการวิจัยและประสบการณ์จากต่างประเทศ จะนำมาแก้ไขเป็นรูปธรรมต่อไป และสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ผู้ร้ายข้ามแดนในหลายประเด็นอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี