สศก.ลุยญี่ปุ่นถกแผน‘AFSIS’
พร้อมสำรวจความต้องการตลาด
เจอลู่ทางสดใสสินค้าเกษตรไทย
หอมหัวใหญ่-ขิง-ผลไม้ขึ้นแท่น
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เปิดเผยถึงการหารือการดำเนินโครงการระบบสารสนเทศเพื่อความมั่นคงด้านอาหารแห่งภาคพื้นอาเซียน (ASEAN Food Security Information System : AFSIS) ระยะใหม่ในปี 2562 ระหว่างวันที่ 23 - 25 มกราคม ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงญี่ปุ่น มีผอ.กองแผนงานสถิติ กรมสถิติ (Mr.Kenichiro Kakihara) และรองผอ.กองแผนงานสถิติ (Mr.Yasuhiro Miyake) เป็นผู้แทนร่วมหารือ
การหารือเกี่ยวกับโครงการ AFSIS ครั้งนี้ฝ่ายไทยรายงานผลดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559 – 2561) ทั้งการจัดทำและเผยแพร่รายงานสารสนเทศความมั่นคงด้านอาหารมาต่อเนื่อง ได้แก่ รายงานแนวโน้มสินค้าเกษตร (Agricultural Commodity Outlook) และรายงานข้อมูลเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning Information) ตลอดจนปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัย และทยอยเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์ AFSIS แล้ว คาดว่าเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นอกจากนี้ AFSIS ยังริเริ่มสร้างระบบรายงานข้อมูลของประเทศสมาชิกผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้ประเทศสมาชิกปรับปรุงข้อมูลได้เองทันที พร้อมดำเนินงานโครงการ Improving statistic data on food processing and Distribution related to Agricultural crops in ASEAN Region (ISFAS Project) ซึ่งเป็นการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับห่วงโซ่อาหารของอาเซียน 8 ประเทศ ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมษายน 2559 โดยโครงการจะสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2562
สำหรับกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่นนำเสนอร่างโครงการส่งเสริมการสำรวจภาคการเกษตรเพื่อความยั่งยืนของภาคการเกษตรในภูมิภาคอาเซียน หรือ (Zero Draft) Supporting Agricultural Survey on Promoting Sustainable Agriculture in ASEAN Region ซึ่งเน้นสำรวจต้นทุนในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา โดยอ้างอิงตัวชี้วัดของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable DevelopmentGoals–SDGs) ในส่วนพื้นที่การเกษตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการได้ช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งสศก. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล สำนักงานเลขานุการ AFSIS พร้อมผลักดันความร่วมมือกับญี่ปุ่นเต็มที่ ซึ่งโครงการภายใต้AFSIS เป็นโครงการระยะสั้น ดังนั้น ไทยและญี่ปุ่นจึงควรเร่งวางแผนโครงการระยะต่อไปให้ต่อเนื่องทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้ประโยชน์มากที่สุด รวมถึงประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ลงทุน อีกทั้งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างปฏิรูปเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการเกษตร ข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญในการจัดทำนโยบายต่างๆ รวมถึงการลงทุนทางเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยไทยและญี่ปุ่นต่างสนใจและพร้อมดำเนินการร่วมกันทั้งด้านเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากรให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริงในระยะยาว
โอกาสนี้ สศก. ยังติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตร และหารือแนวโน้มความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรกับบริษัทค้าปลีกญี่ปุ่นที่นำเข้าผัก ผลไม้ของไทย พบว่า ส่วนใหญ่สินค้าเกษตรที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ หอมหัวใหญ่ ไก่สดและสินค้าประมง โดยหอมหัวใหญ่จะนำเข้าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม เนื่องจากฤดูหนาวของญี่ปุ่นไม่มีผลผลิตหอมหัวใหญ่ออกสู่ตลาด สำหรับไก่สดและสินค้าประมงจะนำเข้าตลอดปี และในอนาคตจะเพิ่มการนำเข้าขิงอีกด้วย ซึ่งการนำเข้าหอมหัวใหญ่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม นับเป็นผลดีกับไทย เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงผลผลิตหอมหัวใหญ่ไทยออกสู่ตลาดจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสดีของไทยที่จะเร่งผลักดันส่งออกหอมหัวใหญ่ไปตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น รวมถึงผลักดันการส่งออก ขิง ซึ่งถือเป็นสินค้าที่ตลาดญี่ปุ่นสนใจ โดยต้องควบคุมมาตรฐานให้สอดคล้องกับความต้องการของญี่ปุ่น ทั้งนี้ จากการหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการญี่ปุ่นสนใจนำเข้าสินค้าเกษตรไทยเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะผลไม้ อาทิ กล้วยหอม และมะม่วง รวมถึงผลไม้สดอื่นๆ ที่ได้คุณภาพและเป็นที่นิยม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี