ทนาย‘ฮาคีม’เดินหน้าสู้
ยื่นขอประกัน
ระดมหลักทรัพย์-บุคคล
ขอใส่กำไลอีเอ็ม-ไม่หนี
โวมีองค์กรต่างชาติหนุน
ทนายความ“ฮาคีม”เผยสัปดาห์หน้า ยื่นขอประกันตัว อ้างสิทธิมนุษยชน เตรียมทั้งหลักทรัพย์-บุคคลมีความน่าเชื่อถือ ขอรับเงื่อนไขติดกำไล “อีเอ็ม” ย้ำถ้าได้ปล่อยตัว จะไม่เดินทางออกนอกไทย เผยมีองค์กรต่างชาติ สนับสนุนทุนที่พักอาศัย ด้าน โฆษก ตร.ระบุชัด คดี “ฮาคีม” ก้าวล่วงไม่ได้ อยู่ขั้นตอนของศาล
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความนายฮาคีม อัล อาไรบี วัย 25 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ที่ทางรัฐบาลบาห์เรนร้องขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปรับโทษ เปิดเผยว่าคาดในสัปดาห์หน้า ตนจะยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายฮาคีมต่อศาล โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่า น่าจะได้มาจากองค์กรด้านมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ เท่าที่ทราบมีกองทุนโก ฟันด์จากออสเตรเลียเข้ามาช่วยแล้ว
ทั้งนี้ในการขอปล่อยชั่วคราว จะยื่นทั้งหลักทรัพย์และหลักประกันที่เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ก็ต้องเป็นบุคคลระดับสูงพอสมควรและขอรับเงื่อนไขใส่กำไลข้อเท้าหรือ กำไลEM ที่จำกัดการเดินทางของผู้ต้องหา หรือ จำเลยด้วย เพราะหากจำเลยที่ประกันเดินทางออกนอกพื้นที่ตามเงื่อนไขศาล เครื่องจะส่งสัญญาณไปที่ศูนย์ควบคุมส่วนกลางให้ทราบ
“หากนายฮาคีมได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยใส่กำไลอีเอ็มก็จะไม่เดินทางออกไปไหน เนื่องจากจากองค์กร ผู้สนับสนุนด้านมนุษยธรรม ก็พร้อมจัดหาที่พัก และค่าใช้จ่ายให้นายฮาคีมใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ” ทนายความนายฮาคีม ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เตรียมแนวทางต่อสู้คดีอะไรบ้าง กี่ประเด็น นางณัฐฐา กล่าวว่า หลักๆจะต่อสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพหลักมนุษยชน ความเสมอภาคกับเรื่องปัญหาข้อกฎหมายในพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนพ.ศ.2551ในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจของ รมว.ต่างประเทศ ที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในกรอบเวลาซึ่งจะมีผลกระทบต่อจำเลย ประเด็นเกี่ยวกับอำนาจของพนักงานอัยการ ที่ควรพิจารณาถึงเหตุและผลในการจะพิจารณาส่งหรือไม่ส่ง คำร้องต่อศาล
“โดยควรพิจารณาไปถึงพฤติการณ์ประกอบข้อเท็จจริง ที่ไม่ก้าวล่วงไปถึง เนื้อหาของคำพิพากษาของศาล เพียงแต่อยากให้พนักงานอัยการทบทวนดูสภาพลักษณะข้อหาที่อ้างว่า จำเลยกระทำผิดเอามาประกอบด้วย ที่ผ่านมาอัยการอ้างว่าคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน ต้องไม่เป็นคดีการเมือง การทหารก็พอที่จะขอส่งได้ ซึ่งมีประเด็นสำคัญจุดนี้จะต้องไปคัดค้าน”
ทนายความนายฮาคีม กล่าวอีกว่า เพราะที่ผ่านมาทราบว่าสำนักงานอัยการสูงสุด ก็เคย”ไม่ส่ง”บุคคลตามหมายจับต่างประเทศเพื่อข้ามแดนมาก่อนหลายคนแล้วไม่ใช่ไม่เคยมี คดีนี้จะส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและการต่างประเทศ หากรัฐไม่ส่งนายฮาคีม ก็จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และความมีมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน
พร้อมยังระบุว่า นอกจากนี้คณะทำงาน ยังเล็งเห็นว่าการควบคุมผู้ต้องขังด้วยอุปกรณ์พันธนาการ กับนายฮาคีมเป็นเรื่องไม่สมควรจริงๆแล้ว ไม่ควรใส่โซ่ตรวนเลย ทางกระทรวงยุติธรรมกรมราชทัณฑ์ก็ออกมาแถลงว่าไม่ใช่แต่ก็มีการบัญญัติชื่อเสียงอุปกรณ์เปลี่ยนไปเรื่อย จริงๆแล้วก็คือโซ่ซึ่งนักกฎหมายสายมนุษยชนเห็นว่าไม่ควรใส่เครื่องพันธนาการซึ่งนักกฎหมายหรือทนายมนุษยชนยังเห็นว่าโทษประหารชีวิตควรยกเลิกได้แล้ว
ทั้งนี้ จากการวิจัย และประสบการณ์จากต่างประเทศ จะนำมาแก้ไขเป็นรูปธรรมต่อไป และสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ผู้ร้ายข้ามแดนในหลายประเด็นอีกด้วย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวแห่งชาติ( ผู้ช่วยผบ.ตร.)ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีการจับกุม นายฮาคีม อัล อาไรบี นักฟุตบอลชาวบาห์เรนที่อยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยของประเทศออสเตรเลียขณะมาฮันนีมูนกับภรรยาที่ประเทศไทยว่า เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากนายฮาคิม มีหมายจับของตำรวจสากล(อินเตอร์โพล)ที่หนีคดีที่ถูกศาลบาห์เรนตัดสินจำคุก 10 ปี ข้อหาทำลายทรัพย์สินของรัฐระหว่างการชุมนุมประท้วงรัฐบาล ที่บาห์เรน เมื่อปี 2555 เรื่องนี้ขั้นตอน อยู่ในชั้นศาล ตำรวจไม่อาจก้าวล่วงได้ จะตัดสินอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ขอย้ำว่าตำรวจทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี