ขอนแก่นวิกฤติ!
ฝุ่นพิษพุ่ง102มคก./ลบ.ม.
ชาวบ้านแสบตา-จมูก
กทม.รับมือ13-15กพ.
จังหวัดขอนแก่นวิกฤติ! ดัชนีคุณภาพอากาศฝุ่น PM2.5 ขยับพุ่งทะลุ 100 มคก./ลบ.ม.ชาวบ้านเริ่มมีอาการแสบตาแสบจมูก ขณะที่หน้ากากกันฝุ่นขายดี ด้าน กทม.ติดตั้งอุปกรณ์พ่นน้ำในโรงเรียนได้เกือบครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วพร้อมผุดแนวคิด“ห้องฟอกอากาศ”ไว้ดูแลเด็ก เผยมีแผนรับมืออากาศจะปิด ช่วงวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ แล้ว “รมว.เกษตรฯ”ส่งกำลังใจให้นักบิน จนท.ฝนหลวง หลังประสบเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ รายงานดัชนีคุณภาพอากาศเมืองขอนแก่น ผ่านแอพพลิเคชั่น AIR4THAI ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นรายงานผลการวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษรายชั่วโมง ได้แสดงผลดัชนีคุณภาพอากาศของเขต อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 05.00น. เป็นสีแดง โดย ค่า AQI แสดงที่ 212 ขณะที่ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นค่าที่อันตรายหรือมีผลต่อสุขภาพ ซึ่งถ้าถึงสีแดง เป็นเกณฑ์ที่กรมควบคุมมลพิษ ระบุข้อความเตือนว่าควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
ชาวบ้านมีอาการแสบตา-จมูก
ขณะที่ประชาชนใน จ.ขอนแก่น ทั้งในเมืองและอำเภอรอบนอกเช่น อ.อุบลรัตน์ บอกว่าเริ่มมีอาการแสบตาแสบจมูกแล้ว ขณะที่ร้านขายยาหลายร้านบอกว่า หน้ากากอนามัยขายดีมีคนสนใจหาซื้อกันจำนวนมาก โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยรุ่น N95 ของ3M ที่ขายราคาเฉลี่ยที่ ชิ้นละ 70 บาท แต่ของไม่มีขายแล้ว ซึ่งรุ่นนี้ของเริ่มน้อยลงก่อนหน้าแล้วเพราะมีหลายคนซื้อส่งไปให้ญาติที่กรุงเทพฯ ในช่วงที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น.นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ได้นัดทำการฉีดพ่นน้ำพร้อมกัน 26 อำเภอที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเพื่อลดค่าฝุ่นละอองในอากาศ
ฝุ่นพิษลดลงเกือบทุกพื้นที่
เมื่อเวลา 07.00 น. กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ปริมาณ PM2.5 เฉลี่ย 24 ชม. ลดลงจากเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เกือบทุกพื้นที่ มีค่าฝุ่นละอองที่ 12-38 มคก./ลบ.ม. ปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน(50 มคก./ลบ.ม.) ทุกพื้นที่
บก.จร.จัด20ชุดตรวจเข้มรถควันดำ
สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา 1.บก.จร.ตั้งจุดตรวจวัดมลพิษจากยานพาหนะทั้งหมด 20 ชุด รายละเอียดผลการจับกุม ดังนี้ ยอดการจับกุม ทั้งหมด 602 ราย แบ่งเป็น รถใหญ่ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ไม่ผ่าน 377 ราย รถเล็กตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ไม่ผ่าน 225 ราย 2.กทม.ร่วมกับโรงเรียนการบินกรุงเทพจัดเครื่องบินเล็กโปรยละอองน้ำบริเวณเขตบางขุนเทียน รวม 6 เที่ยวบิน พร้อมดำเนินมาตรการลดฝุ่นละอองอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง 3.กรมการขนส่งทางบกตรวจจับรถบรรทุกและรถโดยสารควันดำ บนถนนสายหลัก-สายรอง ที่เข้าสู่ กทม.ทุกวัน
จับตาแนวโน้มฝุ่นเพิ่มมากขึ้น
คาดการณ์สถานการณ์ จากแบบจำลองการคาดการณ์ปริมาณ PM2.5 ของ คพ. ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปริมาณ PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ ประกอบกับการดำเนินมาตรการเพื่อลดฝุ่นละอองของหน่วยงานต่างๆ อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองลดลงได้
เร่งติดตั้งอุปกรณ์พ่นน้ำในรร.
นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัด กทม. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการแก้ไขฝุ่นละอองในพื้นที่เขตบางกอกน้อย ทั้งการติดตั้งสปริงเกอร์ฉีดน้ำจากตึกสูงบริเวณชั้น 8 ของสำนักงานเขตบางกอกน้อย, การฉีดฝอยละอองน้ำไล่ฝุ่นภายในสวนสาธารณะ และตรวจสอบติดตามการติด ตั้งอุปกรณ์พ่นน้ำภายในโรงเรียนในสังกัด กทม. ที่ รร.วัดอัมพวา ซึ่งจากการสั่งการให้แต่ละโรงเรียนติดตั้งอุปกรณ์พ่นน้ำเพื่อเพิ่มคุณภาพอากาศ รายงานข้อมูลล่าสุด ได้ติดตั้งไปแล้ว 432 แห่งจากทั้งหมด 437 แห่ง ซึ่ง 5 แห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้ง เนื่องจากโรงเรียนมีขนาดเล็กมาก จึงไม่สามารถนำอุปกรณ์เข้าไปติดตั้งเพิ่มเติมได้ แต่ได้กำชับย้ำให้ดูแลคุณภาพความเป็นอยู่ของนักเรียนให้ดีที่สุด ทั้งให้ความรู้ และแจกหน้ากากอนามัยให้สวมใส่ทุกครั้ง
ผุดแนวคิด’ห้องฟอกอากาศ’
ส่วนแผนที่ กทม.เตรียมไว้ในช่วงวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ ที่มีการคาดการณ์ว่าอากาศจะปิด จนทำให้เกิดค่าฝุ่นละอองเพิ่ม ตอนนี้ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว หากสถานการณ์ค่าฝุ่นพุ่งกลับไปเป็นสีส้มก็พร้อมสั่งปิดเรียนได้ทันที นอกจากนี้จะมีเเผนการเตรียมไว้สำหรับเด็กนักเรียนช่วงที่ค่าฝุ่นละอองพุ่งสูงและพ่อแม่ผู้ปกครองต้องออกไปทำงาน อาจต้องทิ้งลูกไว้ที่บ้านจึงจะทำ ห้องฟอกอากาศภายในโรงเรียน ด้วยการให้แต่ละโรงเรียนในสังกัด กทม. สร้างห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ติดเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ไว้ดูแลเด็ก ให้เด็กมาอาศัยอยู่ช่วงที่ปิดเรียน รอผู้ปกครองมารับช่วงเย็น
เริ่มนำร่องบางรร.15ก.พ.นี้
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า คงเป็นไปได้ยากที่จะให้ทุกโรงเรียน มีค่ายดูแลเด็ก เพราะงบประมาณในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างจำกัด โดยเบื้องต้นคงจะเริ่มนำร่องในบางโรงเรียนที่มีความพร้อมก่อน เช่น รร.ประชานิเวศน์ (ประถม), รร.บ้านบางกะปิ เพื่อทดสอบว่าใช้การได้ดีขนาดไหน สมควรไว้ขยายไปยังทุกโรงเรียนหรือไม่ คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปร่างได้ในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ แต่หากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองไม่รุ่นแรงมาก ก็อาจจะไม่มีความจำเป็น
ส่งกำลังใจให้นักบินฝนหลวง
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า วันนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วทั้ง จ.นครสวรรค์และ จ.ระยอง ยังคงพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง จากที่เกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ฝนหลวงซึ่งกำลังบินฝึกท่าลงจอดฉุกเฉิน แล้วขณะที่เครื่องใกล้จะถึงพื้น เกิดปัญหาที่ส่วนหางของเฮลิคอปเตอร์ ทำให้เครื่องเสียการทรงตัว หางแตะพื้น โดย ร.อ. พิทักษ์สันติมงคลกุล มงคงศิริ นักบินที่ 1 พ.ต. ทันรบ ณ ลำปาง นักบินที่ 2 และพ.ต.อ. ชาตรี จันทร์สว่าง ช่างเครื่องบินปลอดภัยทั้งหมด เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงฯ เสียกำลังใจ ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจที่สำคัญในขณะนี้ต่อไป ทั้งนี้นายกฤษฏาได้ให้ตรวจสอบหาสาเหตุ รวมทั้งกำชับให้กรมฝนหลวงฯ ตรวจสอบอากาศยานทุกลำให้พร้อมปฏิบิติการ
กรมชลฯ ปฏิบัติการต่อเนื่อง
ด้าน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนที่ 7 ที่กรมชลประทานร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ของ กทม.โดยสำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน จัดส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ 3 คัน พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำ 1 คัน เข้าทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตดุสิต บริเวณแยกสุโขทัยถึงแยกศรีย่าน อีกทั้งส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ 4 คัน พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำ 1 คัน เข้าร่วมทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตบางเขน บริเวณถนนรามอินทราฝั่งขาออกจากแฟลต กม.4 ถึงกองบินตำรวจ
และส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 5 คัน เข้าทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตยานนาวา บริเวณถนนนพระราม 3 ซอย 74 และฝั่งตรงกันข้าม และส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 4 คัน พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำ 1 คัน เข้าร่วมปฏิบัติการทำความสะอาดฝุ่นละอองบนพื้นผิวถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ บริเวณแยกวิภาวดี ถึงคลองประปา
ลุยทุกวันจนสถานการณ์ปกติ
นายทองเปลว กล่าวว่า รถบรรทุกน้ำซึ่งติดตั้งเครื่องพ่นไอน้ำนั้นสามารถฉีดพ่นละอองน้ำได้สูงประมาณ 15 เมตรหรือเท่ากับตึกสูง 5 ชั้น รัศมีการฉีดพ่นกว้าง 3 เมตรซึ่งสามารถเกาะฝุ่นละอองในอากาศให้ตกลงมาได้ดี จากนั้นรถบรรทุกน้ำจะฉีดล้างถนนเพื่อชะฝุ่นที่อยู่บนผิวพื้นออกไป ซึ่งการปฏิบัติภารกิจลดปริมาณการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในอากาศพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้นกรมชลประทานจะยังร่วมปฏิบัติภารกิจในทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี