7 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 77 ม.6 บ.โคกเพชร ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ ได้ลงพื้นที่เข้าพบให้กำลังใจลูกความ คือ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 23 ปี หลังศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ในคดียาเสพติด (ยาบ้า) หลังจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2561 ที่ผ่านมา น.ส.สุพรรณษา ซ้อนรถจักรยานยนต์กับแฟนหนุ่มที่คบกันได้เพียง 4 เดือน คือ นายศุภกิจ นิยมสวน อายุ 21 ปี อ้างจะพาไปทำธุระ แต่นายศุภกิจ แฟนหนุ่ม กลับพาไปส่งยาบ้าจำนวน 41 เม็ด ให้กับสายลับ (ตำรวจ) ที่มาล่อซื้อ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 41 เม็ด พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาติอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมาย
ซึ่งนายศุภกิจ แฟนหนุ่มที่เป็นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพชั้นพนักงานสอบสวน จึงถูกศาลพิพากษา ตัดสินให้จำคุก 4 ปี 6 เดือน และปฏิเสธว่า น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ด้วยฐานะครอบครัวที่ยากจน จึงไม่มีเงินประกันตัวเพื่อสู้คดี จึงถูกคุมขังในเรือนจำกลางสุรินทร์ฟรี นานกว่า 8 เดือน ระหว่างสู้คดี โดยมีนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา เข้ามาช่วยเหลือทางคดี ด้วยการช่วยว่าความให้ฟรี จนศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร จนได้รับการปล่อยตัวสู่ อิสรภาพกลับคืนสู่อ้อมอกแม่ และครอบครัว
นางพัชรพร บำเพ็ญเพียร ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ตนคิดถึงลูกสาวมากๆนานถึง 8 เดือนที่ถูกคุมขัง ไปเยี่ยมลูกสาวที่เรือนจำกลางสุรินทร์ ทุกๆวันศุกร์ อาทิตย์ละครั้ง ตนและครอบครัว ต้องขอบคุณพระคุณ ทนายคำสิงห์ ที่ช่วยเหลือลูกสาวมาโดยตลอด จนลูกสาวได้มีอิสรภาพออกจากเรือนจำ ตอนแรกก็ไม่รู้จักกัน ไปเจอกันที่ศูนย์ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ โดยบังเอิญ นับเป็นบุญวาสนา หาก
ด้าน นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ กล่าวว่า ตนพบกับลูกความ พ่อแม่เด็ก โดยอังเอิญไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ตนก็เลยบอกว่า ถ้าไม่ได้รับการเยี่ยวยาจากภาครัฐยังไง ให้ประสานงานมา ก่อนให้นามบัตรไว้ สุดท้ายเขาโทรศัพท์มาหาว่า เขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ตนก็เลยไปสอบถามลูกความที่เรือนจำ หลังจากสอบถามข้อเท็จจริง เชื่อได้ว่าลูกความเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็เลยรับอาสาว่าความในคดีนี้ ซึ่งผลของการรับข้อความในคดีนี้ก็ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่กว่า 8 เดือนกว่าที่เขาจะได้รับอิสรภาพ มานั่งแบบนี้ เขาต้องอยู่ในเรือนจำ 8 เดือนกว่า ตนคิดว่าถ้าคนบริสุทธิ การกักขัง เป็นการสูญเสียอิสรภาพ ไม่ควรมีแม้แต่วินาทีเดียว นี้เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า ความยุติธรรมในประเทศไทยมีการลักลั่น ยังมีช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี