การดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมปัจจุบันดูเป็นเรื่องไม่ง่ายขึ้นทุกที ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุที่ประชากรเพิ่มขึ้น ทรัพยากรธรรมชาติลดลง เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเติบโต การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือย การเลือกปฏิบัติแบบง่ายสะดวกอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออะไรก็ตาม ที่ล้วนแล้วแต่ก็มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น
หากมองในเรื่องเกษตรกรรม อาชีพหลักของคนไทยการทำเกษตรในปัจจุบันดูราวกับหมุนตามกระแสความต้องการที่ไม่รู้จบ เน้นการผลิตให้ได้ปริมาณมากและรวดเร็ว โดยอาจหลงลืมผลกระทบที่ตามมา กรมส่งเสริมการเกษตรเห็นความสำคัญในการทำเกษตรยั่งยืน และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับอย่างแท้จริง จึงพยายามส่งเสริมความรู้ด้านการเกษตร ทั้งพัฒนาผลผลิตให้ได้คุณภาพและได้ผลตอบแทนดีกว่าเน้นปริมาณ ตลอดจนพัฒนาดูแลดินปุ๋ยวัตถุดิบการเกษตร และหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะยกตัวอย่างจากการทำเกษตรบนพื้นที่ราบสูงของไทยคือ โครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เกษตร ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการมาต่อเนื่องทุกปี
ความสำคัญของการหยุดเผาในพื้นที่เกษตร นอกจากจะไม่เกิดมลภาวะที่เป็นพิษและเกิดฝุ่นควันในสภาพแวดล้อมซึ่งกระทบสุขภาพแล้ว ยังส่งผลดีต่อการทำเกษตรคือ ลดปัญหาดินเสื่อมโทรมขาดความอุดมสมบูรณ์ ลดปัญหาต้นทุนการผลิตสูงผลผลิตที่ได้ต่ำ เป็นผลจากการหยุดเผาในพื้นที่เกษตร ล่าสุดกรมส่งเสริมการเกษตรเดินหน้าส่งเสริมความรู้ให้เกษตรกร โดยสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา และขยายพื้นที่นำร่องการหยุดเผาในพื้นที่เกษตร พ.ศ. 2562
นางดาเรศร์ กิตติโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ฝุ่นควันในประเทศไทยที่ทวีความรุนแรงและมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและเศรษฐกิจขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรตระหนักและห่วงใยสุขภาพของเกษตรกรและประชาชน จึงกำชับไปยังพื้นที่ที่พบมีการเผาในพื้นที่การเกษตรสูง โดยให้เจ้าหน้าที่ของกรมฯเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรตระหนักถึงผลเสียจากการกระทำดังกล่าว รวมถึงสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา ให้ถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกรในชุมชนให้มีความรู้พื้นฐาน เพื่อหยุดเผาในพื้นที่เกษตร และสามารถนำเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุการเกษตรมาใช้ทดแทนการเผาได้ เช่น ใช้เครื่องสับเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อใช้เป็นวัสดุปกคลุมหน้าดิน ทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมักเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน การไถกลบตอซัง การจัดเก็บเศษวัสดุฟางข้าวมาเพาะเห็ดฟาง การอัดฟางก้อน การหมักฟางเป็นอาหารสัตว์ การทำหุ่นไล่กา เป็นต้น
จากรายงานผลดำเนินงานโครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เกษตรในปี 2561 พื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนการเผาได้ 35,664 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 142 ล้านบาท จากราคาปุ๋ยอินทรีย์เฉลี่ย 4 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกิดพื้นที่การเกษตรปลอดการเผา รวม 100,320 ไร่ และจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2561 ลดลง ซึ่งจากรายงานแสดงจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ลดลงทุกปี เมื่อเทียบกับตัวเลขจุดความร้อนตั้งแต่เริ่มโครงการฯ ในปี พ.ศ. 2557 ที่มี 12,528 จุด เหลือ 4,804 จุด
ตัวอย่างชุมชนต้นแบบปลอดการเผาในพื้นที่การเกษตรอยู่ในจ.น่าน 2 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนในต.ทุ่งศรีทอง อ.เวียงสา ที่ลดการเผาด้วยการทำปุ๋ยหมัก ไถกลบตอซัง และเก็บเศษวัสดุฟางข้าว และชุมชนในต.ผาสิงห์ อ.เมืองที่ลดการเผาด้วยการทำปุ๋ยหมักและเพาะเห็ดฟางจากเศษฟางข้าวกว่า 57 ตันต่อปี ลดเผาฟางข้าวได้กว่า 72 ไร่ มีสมาชิก 43 ราย ผลิตเห็ดฟางได้ถึง 600 กิโลกรัมต่อเดือน โดยจำหน่ายในพื้นที่กิโลกรัมละ 80 บาท สร้างรายได้ 48,000 บาทต่อเดือน
ในปี 2562 กรมส่งเสริมการเกษตรเดินหน้าขยายเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบปลอดการเผา ผ่านกลไกของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และพื้นที่ส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ จากพื้นที่นำร่องกลุ่มเดิม 120 ตำบลใน 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์ สู่พื้นที่นำร่องกลุ่มใหม่ในจังหวัดดังกล่าวอีก 30 ตำบล และขยายเครือข่ายเพิ่มเติมไปยัง 16 จังหวัด ที่พบมีการเผาในพื้นที่การเกษตรสูง ได้แก่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครนายก นครพนม นครราชสีมา นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ ร้อยเอ็ด ลพบุรี สกลนครและอุดรธานี รวมถึงเร่งพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา เพื่อให้ถ่ายทอดความรู้พื้นฐานต่างๆ เพื่อการหยุดเผาแก่เกษตรกรในชุมชนของตนได้ เพื่อร่วมผลักดันให้เกษตรกรในชุมชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การทำการเกษตรปลอดการเผา ตลอดจนสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการหยุดเผาในพื้นที่เกษตรด้วย โดยเกษตรกรที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน และเข้าร่วมฐานเรียนรู้การปฏิบัติกิจกรรมหยุดเผาในพื้นที่เกษตรได้ ในวันสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผาและรณรงค์หยุดเผาในพื้นที่เกษตร ที่แต่ละจังหวัดกำหนด ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2562
ด้านนายนเรศ ฝีปากเพราะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สสก.ที่ 6 จ.เชียงใหม่ ได้มอบแนวทางหยุดเผาในพื้นที่เกษตรให้หน่วยงานในสังกัด ทั้งสำนักงานเกษตรจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และจังหวัดลำพูน และศูนย์ปฏิบัติการ 11 ศูนย์ พร้อมทั้งเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ป้องกัน รวมทั้งเฝ้าระวังการหยุดเผาในพื้นที่เกษตร ซึ่งในปีนี้ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรที่มุ่งเน้นการสร้างเกษตรกรและชุมชนต้นแบบที่มีการขับเคลื่อนการเกษตรการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรให้เป็นรูปธรรม และเป็นจุดเรียนรู้และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นที่มีปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรต่อไป โดยมีเป้าหมายคือลดพื้นที่การเผาในพื้นที่การเกษตร ลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) สร้างชุมชนเกษตรปลอดภัย สร้างชุมชนเกษตรปลอดการเผาต้นแบบและเครือข่าย
กิจกรรมที่ได้ดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 1) สร้างชุมชนเกษตรกรปลอดการเผาต้นแบบและเครือข่าย โดยถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกร สร้างวิทยากรด้านการเกษตรปลอดการเผา เสริมสร้างการรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา และนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุการเกษตรทดแทนการเผา 2) เฝ้าระวังติดตามและแก้ปัญหาการเผาช่วงวิกฤติ โดยจัดเวทีเชื่อมโยง นอกจากนั้น ยังประสานความร่วมมือและสนับสนุนหน่วยงานภาคีเครือข่าย เกษตรกรและอาสาสมัครเกษตรต่างๆ และ 3) รณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ลดการเผาในชุมชนภาคเหนือตอนบน
“เมื่อเกษตรกรหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรแล้วจะได้ 5 ดีคือ อากาศดี สุขภาพดีเศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี และได้ปุ๋ยดีจากธรรมชาติ” ผอ.สสก.ที่ 6 จ.เชียงใหม่กล่าว
สำหรับการประกาศวันห้ามเผาเด็ดขาดปี 2562 ใน 9 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 เมษายน 2562 จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2562 จ.ตาก ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2562 จ.น่าน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 เมษายน 2562 จ.พะเยา ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 เมษายน 2562 จ.แพร่ ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 เมษายน 2562 จ.แม่ฮ่องสอนระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2562 จ.ลำปางระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ - 10 เมษายน 2562 และจ.ลำพูน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2562
หากเกษตรกรเล็งเห็นผลดีที่แท้จริงอันจะได้รับจากการหยุดเผาในพื้นที่เกษตร และร่วมมือร่วมใจกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การทำเกษตรปลอดการเผา สังคมเกษตรกรรมไทยจะเป็นสังคมหยุดเผา หยุดฝุ่น หยุดโรค สุขภาพกายใจดี มีเงินเพิ่มพูนได้ไม่ยาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี