15 ก.พ.62 นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการที่ กสม.มีข้อเสนอแนะที่ 4/2560 เรื่องข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิเด็กในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา กรณีการเปิดเผยประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชน ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อเดือน ส.ค.2560
เพื่อให้แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ สตช. ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2557 โดยให้คัดแยกประวัติการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนและบัญชีทะเบียนประวัติของเด็กและเยาวชนไว้ในหมวดใดหมวดหนึ่งโดยเฉพาะ แยกจากกรณีการกระทำความผิดของบุคคลทั่วไป รวมทั้งขอให้กำชับหน่วยงานในสังกัดในการพิจารณาอนุญาตให้เปิดเผยประวัติอาชญากรรมของเด็กและเยาวชน ซึ่งแม้ว่า สตช.จะได้เร่งดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ สตช.ตามข้อเสนอแนะที่ 4/2560 ของ กสม.ข้างต้นแล้วก็ตาม
แต่ กสม.เห็นว่าเพื่อเป็นการสร้างหลักประกันอย่างเคร่งครัดว่าจะไม่มีการเปิดเผยหรือนำประวัติการกระทำผิดอาญาของเด็กหรือเยาวชนไปพิจารณาให้เป็นผลร้ายหรือเป็นการเลือกปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมแก่เด็กหรือเยาวชนไม่ว่าในทางใดๆ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 กสม. จึงมีมติให้ สตช. ทบทวนระเบียบ สตช. ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2561 ดังนี้
1.ให้แก้ไขระเบียบฯ บทที่ 4 การคัดแยกและทำลายแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือ และรายการประวัติ หรือบัญชีประวัติ ข้อ 1.11 ให้ระบุเพียง "คดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด" โดยไม่ต้องระบุว่าศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกหรือไม่ หรือมีเงื่อนไขคุมความประพฤติเช่นใด เพื่อคัดแยกประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชนในทุกกรณีออกจากทะเบียนประวัติอาชญากรรม ไม่ว่าศาลจะมีคำพิพากษาเช่นใด
2.ให้แก้ไขระเบียบฯ บทที่ 4 การคัดแยกและทำลายแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือ และรายการประวัติ หรือบัญชีประวัติ ข้อ 4 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในทางราชการให้กองทะเบียนประวัติอาชญากรนำข้อมูลที่คัดแยกออกจากสารบบหรือฐานข้อมูลประวัติอาชญากรไปแล้ว มาตรวจสอบรายการประวัติหรือบัญชีประวัติของบุคคลได้ ในกรณีต่างๆ โดยหลักเกณฑ์ข้อ 4.3 ระบุว่า
"กรณีอื่นๆ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอนุญาตให้ตรวจสอบได้ เช่น เพื่อประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัยทางวิชาการ ทางอาชญาวิทยา ทางการแพทย์ โดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลใด รวมถึงกรณีที่มีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบโดยมีเหตุผลความจำเป็นอย่างยิ่งและผู้มีประวัติยินยอมเป็นหนังสือ" โดยให้เพิ่มข้อความ "ซึ่งไม่ใช่การกระทำความผิดของเด็กและเยาวชน" ต่อท้าย
3.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับหน่วยงานในสังกัดที่พิจารณาอนุญาตให้เปิดเผยประวัติอาชญากรรมของเด็กและเยาวชน จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิเด็กและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ
นายวัส ย้ำว่า การคัดแยกประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชน และการห้ามมิให้เปิดเผยประวัติลักษณะดังกล่าว จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่เคยกระทำความผิดได้รับโอกาสกลับคืนสู่สังคม และได้รับการคุ้มครองสิทธิตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 รวมทั้งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคี
"สำนักงาน กสม.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ทบทวนระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวภายใน 90 วัน ขณะเดียวกัน กสม.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีให้รับทราบมติ กสม.ในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน" ประธาน กสม.ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี