ล่าพรานโหด

ลอบวางกับดักฆ่าวัวแดง

กลางป่าอ่างฤาไนแปดริ้ว

พบซากยิงหัวแล่เนื้อขาย

เจ้าหน้าที่อุทยานฯเขาอ่างฤๅไน แจ้งความล่าพรานป่า หลังลาดตระเวนพบกับดักบ่วงเชือกนับร้อยชิ้น หวังจับสัตว์ป่า เจอซากวัวแดงโชคร้ายติดบ่วงถูกยิงหัวแล่เนื้อขาย ส่วนที่เมืองกาญจน์จับหนุ่มลอบล่าสัตว์ในเขตอุทยานเขื่อนศรีนครินทร์ ยึดของกลางซากไก่ป่า ปืนกระสุนอื้อ เช่นเดียวกับที่อุบลฯชุดลาดตระเวนอช.ภูจองนายอยรวบ 12ชายฉกรรจ์ลอบตัดไม้ ล่าสัตว์ในอุทยานฯ ได้ของกลางซากสัตว์อื้อส่งตำรวจดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอนก วงศ์ษา ผู้ช่วยหัวหน้า.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา นำเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฐานหนองปลาซิว ฐานเขากา และเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อย 1306 ออกลาดตระเวนเก็บกู้บ่วง แร้ว ของพวกพรานป่าที่นำไปดักสัตว์บริเวณรอยต่อแนวเขตลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ท้องที่บ้านเขาวง บ้านคลองตะเคียน บ้านหลุมตาสังข์ บ้านเทพประทาน บ้านสามพราน บ้านมอทราย และบ้านหอตะแบก อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์

จากผลปฎิบัติงานลาดตระเวนตรวจพบ บ่วงเชือกที่นายพรานนำมาดักสัตว์ รวม 149 เส้น ซากวัวแดงตัวผู้ ตัวเมีย 2 ซาก ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่หัว ซากกวางป่า 2 ซาก ซากหมูป่า 2 ซาก จึงเก็บรวบรวมเป็นหลักฐาน วัตถุพยาน พร้อมแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสอบสวนติดตามพวกนายพรานโหดมาดำเนินคดีต่อไป

นายอเนกเปิดเผยว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่ามาอาศัยหากินจำนวนมาก จึงมีพวกนายพรานพากันลักลอบเข้าไปดักสัตว์ป่าอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งแหล่งน้ำที่เป็นอาหารของสัตว์ป่าเริ่มลดน้อยลง ทำให้นายพรานเข้าป่าวางกับดักสัตว์ตามเส้นทางเดินหาอาหารของสัตว์ได้ง่ายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนตรวจสอบครั้งนี้จึงพบกับบ่วงดักสัตว์จำนวนมากและเป็นน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบซากวัวแดงเป็นเพศผู้เพศเมียที่ขาหลังติดบ่วงออกไม่ได้ จนพรานป่าได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่หัวจนเสียชีวิต จากนั้นชำแหละนำเนื้อไปขายปล่อยให้ซากเน่าเปื่อย อยู่ที่บริเวณบ่วงดักสัตว์ นายพรานพวกนี้ถือว่าโหดเหี้ยมมาก เนื่องจากวัวแดงเป็นสัตว์คุ้มครองตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพุทธศักราช 2553 โดยพบว่าวัวแดงจะหากินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนและเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเป็นจำนวนมาก

อีกด้านหนึ่ง นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรีเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามอบหมายให้ ว่าที่ร.ต.สิทธิศักดิ์ ฉันสิมา ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นำกำลังออกตรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับป่าไม้และสัตว์ป่า ที่บริเวณพิกัด 47P 0498412E 1618411N ป่าโป่งเก้ง หมู่ที่ 4 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี กระทั่งเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ วิ่งไปที่พิกัดดังกล่าว มุ่งหน้ามาทางเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อว่าอาจลักลอบเข้ามายิงสัตว์ป่า จึงวางกำลังซุ่มดู เมื่อรถจักรยานยนต์ขับมาถึงเจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณเรียกให้หยุดขอตรวจค้น แต่ผู้ขับขี่เร่งเครื่องหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงติดตามจนควบคุมตัวไว้ได้ สอบสวนทราบชื่อคือ นายวิโรจน์ พันนา อายุ 44 ปี ชาวบ้าน ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางตรวจพบในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน ซากกระรอกปลายหางดำ 4 ซาก ซากไก่ป่า 1 ซาก เปล ชุดไฟฉายคาดหัว และอุปกรณ์ดำรงชีพในป่า และรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะยี่ห้อ Honda Wave 100 หมายเลขทะเบียน คกย 569 ราชบุรี ก่อนนำตัวส่งตำรวจสภ.ศรีสวัสดิ์ พร้อมของกลาง เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เช่นเดียวกับ ที่จ.อุบลราชานี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ขณะนายจิณณะ สามศรี หัวหน้า อุทยานแห่งชาติภูจองนายอยนำกำลังออกลาดตระเวนตามแผนป้องกันพิทักษ์ ป่าภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ภูจองยอย อ.นาจะหลวย จ.อุบล ราชธานีจนถึงป่ายอดลำห้วยทราย ทิศตะวันตกเฉียงใต้บ้านคำบาก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าบุณฑริก” ท้องที่ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี พบชายฉกรรจ์ 12 คนกำลังลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ได้ทั้งหมด สอบสวนทราบว่าเป็นราษฎร ชาวไทยอาศัยอยู่บ้านโคกน้อย ต.บ้านตูม อ.นาจะหลวย จ.อุบลฯ ประกอบด้วย

นายเอกพันธ์ สิมลี อายุ 30 ปี นายรุ่งอรุณ ลังกา อายุ 24 ปี นายคมสัน วงศาราช 24 ปี นายไก่ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี นายสมคิด วัลภา อายุ 37 ปี นายอำพล เนตรวงศ์ 30 ปี นายสุริยัน วงศาราช 20 ปี นายเฉลิมศรี คงทน 53 ปี นายสุวรรณ คมสิงห์ 40 ปี นายอ่อน หัตถาวงศ์ 48 ปี นายมณีรัตน์ ฝ้ายบุตร 41 ปี และนายด้วง (นามสมมุติ) 18 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 15 เม็ด ไม้ประดู่ 1 ท่อน ปริมาตร 9.84 ลบ.ม. เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง ปืนแก๊ป 3 กระบอก ซากสัตว์ป่า 4 รายการ ประกอบด้วยซากกระรอกหลากสี 2 ซาก ซากพญากระรอกดำ 1 ซาก ซากนกปรอด 1 ถุง มีด ขวาน ค้อน หัวไฟชนิดคาดศีรษะ และโทรศัพท์มือถือ จึงควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบล ราชธานี ดำเนิน คดีตามกฎหมาย

นายชัยวัฒน์กล่าวด้วยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าอุทยานแห่งชาติ ครอบคลุม หลายอำเภอและมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ในป่ายังคงอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่า มีไม้หวงห้ามทั้งไม้ประดู่ และไม้พะยูง อยู่อย่างหนาแน่น เป็นที่ต้องการของนายทุน เจ้าหน้าที่จึงต้องทำงานด้วยความเข้มงวดและรัดกุมเพื่อรักษาสมบัติ ของชาติเอาไว้