ที่ จ.นครราชสีมา วันนี้ (30 ม.ค.2556) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่เข้าพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบ ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ห้อง 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ และหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด ได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณฯ อย่างละเอียด เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงในช่วง 3-4 วันนี้ มีทั้งฝนตก ละอองฝน อากาศหนาวเย็น ลมแรง โดยจากการตรวจวันนี้หลวงพ่อคูณมีอาการซึม เย็นชา ไม่ยอมพูดจา ทำให้คณะแพทย์ตรวจอาการด้วยสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด โดยใช้เวลาตรวจ 1 ชม.

นพ.พินิศจัย กล่าวภายในหลังว่า อาการวันนี้ดูหลวงพ่อค่อนข้างจะซึม และเย็นชา และดูเหมือนว่า ความดันจะขึ้นสูง ชีพจรเต้นเร็วขึ้น เราประเมินด้วยการเจาะเลือดตรวจ และทำการเอ็กซเรย์ปอดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งพบว่าน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่เท่าที่ดูภาพรวมทางระบบอื่นยังไม่เห็นอะไรที่ผิดปรกติ คณะแพทย์คิดว่าสาเหตุที่หลวงพ่อซึมลงน่าจะเป็นจากภาวะซึมเศร้าหรือเปล่า เพราะช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลวงพ่อบ่นคิดถึงวัดมาก อยากกลับวัดตลอด แต่ท่านก็ยังพูดคุยรู้เรื่อง แต่ซึมลง แต่มีบางครั้งที่หลวงพูดเหมือนกันว่า กูไม่มีลูกไม่มีหลาน ส่วนอีกเรื่องที่เราต้องเฝ้าระวังภาวะซึมทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องของภาวะแทรกซ้อนทางอื่นที่จะตามหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องของการติดเชื้อ ซึ่งตอนนี้เราคงยังหาตำแหน่งหรือหาจุดของการติดเชื้อไม่พบ แต่อย่างไรก็ตามเราคงเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด ส่วนการรักษาเรื่องภาวะจิตใจทางกุฎิวัดบ้านไร่เราพยายามจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด ทางลุกศิษย์ก็เร่งกันมาก ทั้งตัวอาคารสถานที่ ระบบตัวระบายอากาศ ส่วนอื่นจะพยายามให้ญาติพี่น้องของหลวงพ่อคูณฯได้มีโอกาสเข้ามากราบท่าน บางคนที่ท่านคุยด้วยแล้วท่านสบายใจหรือคนสนิทของท่านเท่านั้น ส่วนทางเราเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะลักษณะอย่างนี้เราต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนในระบบต่างๆที่อาจจะตามมาโดยเฉพาะเรื่องการติดเชื้อ ฉะนั้นเรื่องภาวะซึมเศร้ามันจะทำให้ภูมิต้านทานของท่านลดลงจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมาโดยเฉพาะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นเชื้อที่มาตามอากาศหรือการติดเชื้อที่เห็นชัดทางเดินปัสสาวะท่านยังมีสายสวนอยู่ ทางปอดมีเนื้อปอดที่ไม่ปรกติ มีโอกาสจะสำลักได้กว่าคนทั่วไป เนื่องจากท่านมีปัญหาทางสมองยังไม่รวมอายุ 90 ปีด้วย ส่วนจะถือว่าหลวงพ่ออยู่ในภาวะวิกฤติหรือไม่ ขอตอบว่า ยังไม่วิกฤติ แต่ถามว่าเป็นปรกติเหมือนเมื่อ 4-5 วันก่อนหรือเปล่า แต่ดูท่านซึมลง อาการตอนนี้ยังไม่มีไข้กลับขึ้นมา ช่วงนี้คนที่ไม่เกี่ยวข้องคงต้องงดเยี่ยม แต่ถ้าลูกศิษย์ที่ท่านอยู่ด้วยแล้วทำให้ท่านสบายใจก็คงจะต้องรบกวนเข้ามากราบท่าน ส่วนกายภาพให้ทำบนเตียงไปก่อน งดการปั่นจักรยานไฟฟ้า

นพ.อนุชิด นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด กล่าวว่า ปอดดีขึ้นมา เท่าที่ฟังปอดเสียงเสมหะ เสียงการหอบต่างๆไม่มี เอ็กซเรย์ล่าสุดเมื่อสักครู่ก็พยายามหาการติดเชื้อก็ยังไม่พบ การเอ็กซเรย์ดีเทียบกับวันที่ 11 ม.ค.2556 ที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้นด้วยซ้ำ อาการหอบอาการทางปอดต่างๆอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจอยู่ เพียงแต่คงต้องดูอาการสำลักในช่วงนี้ที่หลวงพ่อค่อนข้างหลับมาก และเวลานอนท่านจะลืมตาเฉยๆ และไม่ยอดพูดคุยด้วย และปอดตอนนี้กลับมาค่อนข้างใกล้เคียงกับก่อนที่ท่านจะมาโรงพยาบาล แต่ยังไม่ถึง 100% เพราะทุกครั้งที่มีการติดเชื้อปอดบางส่วนอาจจะต้องโดนทำลายไปบ้าง ระบบหายใจเองได้ แต่มีวันนี้ที่ท่านค่อนข้างหลับมาก คณะแพทย์กำลังกังวลมากเรื่องการสำลัก ไม่ให้มีอาการแทรกซ้อนซ้ำขึ้นมาในช่วงนี้ เสมหะเมื่อ 2 วันก่อนค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้ค่อนข้างดีแล้ว เสมหะไอไม่ค่อยออกมาแล้ว นพ.อนุชิด กล่าว

ต่อมาพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ได้มีเมตตามอบผ้าไตรจีวร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาสักการะแด่พระบรมเกศาธาตุ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อันเชิญจากประเทศศรีลังกา มาร่วมโครงการหนึ่งใจให้ธรรมมะมูลนิธิมิราเคิลออฟไลท์ และสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยที่ได้อันเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ลานธรรม หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีนางแก้วเก้า เผอิญโชค กรรมการที่ปรึกษาสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และ ดร.ศุภาชัย ไพจิตร เลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯ ได้รับผ้าไตรจีวรจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่นอนพักฟื้นที่ รพ.มหาราชฯ โดยมีนายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ ลูกศิษย์ใกล้ชิด เลขานุการคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ทำการมอบผ้าไตรจีวร เพื่อไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไป