เหยื่อบิทคอยน์ร้อง
ถูกหลอกสูญ42ล้าน
เลื่อนตรวจหลักฐาน
คดีฟอกเงิน13พค.
กลุ่มผู้เสียหายกว่า 30 คน มีดาราหนุ่ม“จอนสัน เทวินธวิ์” เข้าร้อง ศปอส.ตร. ถูกหลอกร่วมลงทุน“บิทคอยน์”ผ่านเว็บไซต์เสียหายกว่า 42 ล้าน เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายร่วม140ราย ศาลอาญาเลื่อนตรวจหลักฐานคดีแก๊งบิทคอยน์สมคบฟอกเงิน เสียหาย797ล้าน เป็น13พ.ค.นี้ รอฟังผลคดีของศาลแขวงดุสิต
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนบิทคอยน์ ประมาณ 30 คน เข้าร้องเรียนกับ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หลังร่วมลงทุนบิทคอยน์ผ่านเว็บไซต์ cryptominingfarm ซึ่งดำเนินการ โดย บริษัท ไลฟ์ไทม์ เทคโนโลยี จำกัด ที่มีนายพิมงคล ท้าวภิบาล เป็นเจ้าของ เบื้องต้น มีผู้เสียหายแล้วกว่า 140 คน โดยร่วมลงทุนตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านบาท มีมูลค่าความเสียหายแล้วประมาณ 42 ล้านบาท โดยมีพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ศรีวารีรัตน์ ผกก.สส.บก.น.5 รับมอบหนังสือ
นายเทวินธวิ์ คุณารัตนวัฒน์ หรือ จอนสัน เทวินธวิ์ นักแสดงวัยรุ่นหนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่าก่อนที่จะเข้ามาร่วมลงทุน ก็มีการตรวจสอบบริษัทนี้ว่า มีสำนักงานทั้งที่เมืองทองธานีและจ.เชียงใหม่ ดูน่าเชื่อถืออีกทั้งเคยลงทุนลักษณะนี้มาก่อนจึงร่วมลงทุนและได้รับผลตอบแทนกลับมาและลงทุนเพิ่ม ช่วงกลางปีที่ผ่านมาเริ่มระแคะระคาย เมื่อไม่มีการจ่ายผลตอบแทนตามที่ได้รับสัญญาจึงรวมตัวกับผู้เสียหายอื่นๆเข้าร้องเรียน
พร้อมขอฝากถึงประชาชนว่าปัจจุบันการลงทุนมีทั้งได้รับผลตอบแทนจริงและลักษณะหลอกลวง จึงควรศึกษาให้รอบคอบและพร้อมความรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่ หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งไม่ประสงค์ออกนามกล่าวว่าเริ่มแรกได้รับการชักชวนจากคนรู้จักให้ลงทุนในเงินสกุลบิทคอยน์ผ่านเว็ปไซต์ดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงปี 2560โดยมีการการันตีผลตอบแทนว่าจะได้ร้อยละ70 ต่อสัญญา ซึ่งแต่ละสัญญา มีช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 3เดือน 6 เดือน 1ปีไปจนถึงตลอดชีวิตและสามารถถอนได้ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข กระทั่งตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี2561ทางบริษัทเริ่มเพิ่มเงื่อนไขในการถอนเงิน กระทั่งวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯแจ้งว่า จะทยอยจ่ายเงินคืนผู้ลงทุน เป็นระยะเวลา 84งวดหรือประมาณ7ปีในสกุลเงินอื่นที่ไม่ได้รับการรองรับตามกฎหมายไทย
วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯศาลนัดตรวจหลักฐานคดีแก๊งบิทคอยน์ หมายเลขดำ ฟย.50/2561 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นายปริญญา จารวิจิต อายุ 37 ปี , นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปี นักแสดงวัยรุ่นซีรีส์ชื่อดัง และ น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต อายุ 32 ปี จำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำผิดฐานฟอกเงิน ,ร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,9,60
กรณีเมื่อต้นเดือนมิถุนายน-30 ธันวาคม 2560 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกได้วางแผนและสมคบกันหลอกลวงชักชวนให้นายเออาร์นีย์ โอตาวา ซาริมา มหาเศรษฐีชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย มาร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อหุ้นของบริษัท 3 บริษัท จน นายเออาร์นีย์ หลงเชื่อ โอนเงินสกุลบิตคอยน์หลายครั้ง จำนวน 500 ล้านหุ้น เข้ากระเป๋าอิเล็กทรอนิส์ ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่เปิดรองรับไว้แล้ว เป็นจำนวนเงิน 797,408,454.33 บาท จากนั้นพวกจำเลยนำเงินไปซื้อที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างหลายแห่ง อันเป็นการกระทำผิดฐานร่วมกันฟอกเงินโดยวันนี้นายปริญญา ,นายจิรัชพิสิษฐ์ และน.ส.สุพิชฌาย์ ที่ได้ประกันตัวเดินทางมาศาล
เมื่อถึงเวลานัด ทนายจำเลยที่2,3ยื่นคำร้องให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอฟังผลพิจารณาคดีของศาลแขวงดุสิต ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 24 ธันวาคม 2561 ขณะที่ทนายจำเลยที่1ยื่นคำร้องขอให้จำหน่ายคดีชั่วคราว เพื่อรอฟังผลการพิจารณาคดีที่ศาลแขวงดุสิต ฉบับลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 เช่นกัน ซึ่งจำเลยที่ 1-3 แถลงร่วมกันว่าคดีที่ศาลแขวงดุสิต ยังอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและรอไต่สวนพยานโจทก์อีก2ปากอาจใช้เวลานานเป็นเหตุให้ต้องยื่นคำร้องขอให้จำหน่ายคดีชั่วคราวก่อนศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรให้รอฟังคำสั่งของศาลในนัดหน้า โดยยังไม่อนุญาตให้จำหน่ายคดีเพื่อรอฟังผลพิจารณาคดีที่ศาลแขวงดุสิต ตามคำร้องทั้ง 2 ฉบับ จึงเลื่อนตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 10.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี