ตม.สระแก้วเอาจริงจับมือทหารพรานฯตรวจเข้มเขมรมุสลิมถือพาสปอร์ตสัญชาติกัมพูชา โดยเป็นวีซ่าท่องเที่ยวเข้าไทย 34 คน อ้างเตรียมเดินทางไปทำงานที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และมาเลเซีย แต่ถูกฝ่ายไทยปฏิเสธพร้อมผลักดันกลับประเทศ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (21 ก.พ.62) พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.ต.จิรเดช พุฒินาทพัฒน์ สว.ตม.จว.สระแก้ว นำเจ้าหน้าที่ (จนท.) ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.เตชทัต เฉลิมจิตต์ ผบ.ร้อย ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201) สนธิกำลังร่วมกันเฝ้าตรวจ เฝ้าระวัง และตรวจเข้ม การเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติและชาวกัมพูชามุสลิมที่บริเวณจุดคัดกรอง หน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้าราชอาณาจักร ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ต่อมา จนท.ได้ตรวจพบชาวกัมพูชา 2 กลุ่มใหญ่รวม 34 คน เป็นชาย 32 คน และหญิง 2 คนเดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย จึงเรียกตรวจสอบพบว่าชาวกัมพูชาทั้ง 34 คนถือพาสปอร์ตสัญชาติกัมพูชา โดยเป็นวีซ่าท่องเที่ยว เมื่อสอบถามทราบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิมจะเดินทางไปทำงานที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยและบางคนอ้างว่าจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะเดินทางออกไปประเทศมาเลเซียผ่านด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ของไทย จึงได้นำตัวมาตรวจสอบเข้มที่บริเวณจุดคัดกรอง หน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้าราชอาณาจักร ด่าน ตม.อรัญประเทศฯ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.เข้ม ซีตรา ผกก.ตม.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จัดส่ง จนท.ตม.ปอยเปต กัมพูชา มาร่วมกับ จนท.ตม.จว.สระแก้ว ตรวจสอบชาวเขมรมุสลิมที่ต้องการจะเดินทางไปชายแดนภาคใต้ของไทย เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ทั้งนี้ จนท.ได้ร่วมกันตรวจสอบเอกสารการเดินทาง และปัจจัยยังชีพ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ของไทย พบว่าชาวเขมรมุสลิมทั้ง 34 คน มีปัจจัยยังชีพไม่เป็นไปตามระเบียบการเข้าเมืองของไทย ซึ่งกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องมีปัจจัยยังชีพไม่ต่ำกว่าคนละ 20,000 บาท แต่ชาวเขมรมุสลิมมีเงินติดตัวกันคนละ 1000-3000 บาท อีกทั้งไม่สามารถระบุที่พักที่เป็นหลักแหล่งขณะอยู่ในประเทศไทยได้ และไม่มีผู้รับรองการเดินทาง ดังนั้น จนท.ตม.จว.สระแก้ว จึงต้องใช้อำนาจตามดุลยพินิจพร้อมทั้งได้ทำความเข้าใจกับ จนท.ตม.ปอยเปต แล้ว ทำการปฏิเสธการเข้าเมืองของ ชาวเขมรมุสลิม ทั้ง 34 คน โดยได้ทำการผลักดันกลับประเทศทันที
ต่อมาได้มีแรงงานกัมพูชาจำนวน 16 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 10 คน โดยผู้หญิงมีผ้าคลุมศรีษะลักษณะคล้ายชาวเขมรมุสลิม เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย จึงเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิม แต่เป็นแรงงานกัมพูชาตาม MOU จะเดินทางไปทำงานประมงทะเล ที่ จ.สงขลา โดยมีเอกสารรับรองการเป็นแรงงานของ บ.แมนเอ โฟร์สเซนฟูดส์ จำกัด จ.สงขลา และมีพาสปอร์ตแรงงานตาม MOU อย่างถูกต้อง จนท.จึงประทับตราอนุญาตเข้าไทย
แต่ยังคงรักษาความมั่นคงอย่างเต็มที่ โดย จนท.ทหารพราน ร้อย ทพ.1201 พร้อมชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สระแก้ว ได้นำแรงงานกัมพูชามุสลิม มาร่วมกันตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระและถ่ายภาพทำประวัติไว้ ที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเป็นข้อมูลและหลักฐานไว้หากพบว่าแรงงานชาวเขมรมุสลิมไม่เดินทางไปทำงานตามที่ระบุไว้จะได้สามารถตรวจสอบและติดตามได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี