แผ่นดินไหวเขย่าวังเหนือ ลำปาง ต่อเนื่อง 3 วัน 32 ครั้ง ครู-นร.โรงเรียนทุ่งฮั้วศูนย์กลางธรณีพิโรธ ซ้อมแผนอพยพ ขณะอาคาร บ้าน วัด เสียหายเกือบ 40 หลังส่วนค่าฝุ่น 7 จว.เหนือยังพุ่ง “เชียงใหม่–ลำปาง”PM 2.5 แดงโร่ คุณภาพอากาศกระทบสุขภาพ แม่ฮ่องสอน ยังเผาทำฝุ่นควันกลบเมือง
สถานการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่ จ.ลำปาง ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อคต่อเนื่องสร้างความตื่นตระหนกให้ชาวบ้าน ถึงแม้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนมาแล้วว่าจะมีแผ่นดินไหว หลายระลอกตามมาอีกประมาณ1 สัปดาห์ถึง 1เดือน
เมื่อวันที่ 22 กมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 21กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีก 5 ครั้ง โดยรายงานของกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาระบุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกระลอก ตั้งแต่เวลา 22.13 น.วันที่ 21 กุมภาพันธ์-10.07 น.วันนี้ (22 กุมภาพันธ์) วัดระดับความรุนแรงได้ตั้งแต่ 1.5- 2.3 แมกนิจูด ทั้งนี้ เมื่อรวมข้อมูลแผ่นดินไหวต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 12.05 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์จนถึงเวลา 10.07 น.วันที่ 22 กุมภาพันธ์ เกิดแผ่นดินไหวประมาณ 32 ครั้ง
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง ออกสำรวจความเสียหาย พบบ้านเรือนได้รับผลกระทบ37หลังใน13หมู่บ้าน 7 ตำบลได้แก่ ต.ทุ่งฮั้ว ต.ร่องเคาะ ต.วังแก้ว ต.วังซ้าย ต.วังทอง ต.วังใต้และต.วังเหนือ นอกจากนี้ ยังทำให้อาคารที่ทำการ อบต.ทุ่งฮั้ว ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลทุ่งฮั้ว และวัดอีก 3 แห่งเสียหาย โดยโบสถ์วิหาร-ผนังหลังองค์พระประธาน วัดใหม่สามัคคีธรรม เขตบ้านวังเจริญ ม.7 ต.วังแก้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เกิดรอยแตกร้าวเป็นแนวยาว ปูนกะเทาะ
ด้านนายสมคิด สืบแจ้ ผอ.โรงเรียนทุ่งฮั้ววิทยา หมู่ที่ 4 ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง พร้อมคณะครูและนักเรียนกว่า 250 คนซักซ้อมแผนอพยพนักเรียนไปอยู่ในที่ปลอดภัย หากเกินเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง โดยนายสมคิดเผยว่า โรงเรียนทุ่งฮั้ววิทยาอยู่ในพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครูอพยพนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล-ม.3 ออกจากห้องถึงสองครั้ง หลังจากวันนั้น ทำให้ครูและนักเรียนหวาดผวา เพราะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนชัดเจน อีกทั้ง เป็นห่วงเกรงจะเกิดอาฟเตอร์ช็อค ที่ระดับรุนแรงต่อเนื่องมาอีก จึงต้องเตรียมพร้อม
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวบนบกในจ.ลำปาง ตั้งแต่วันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ว่า เกิดทั้งหมด 31 ครั้ง ระดับความรุนแรงสูงสุดวัดได้ 4.9 แมกนิจูด ความลึก 21 กิโลเมตร บริเวณต.วังแก้ว อ.วังเหนือ ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัดได้แก่ ลำปาง ในอ.วังเหนือ 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ทุ่งฮั้ว ต.ร่องเคาะ ต.วังแก้ว ต.วังซ้าย ต.วังทอง ต.วังเหนือ และต.วังใต้ เบื้องต้นมีบ้านเรือนเสียหาย 40 หลัง ศาสนสถาน 3 แห่ง สถานที่ราชการ 2 แห่ง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จ.พะเยา ที่ต.ดอนศรีชุม อ.ดอกคำใต้ เบื้องต้นบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 4 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ ปภ.สั่งการให้ปภ.จังหวัด ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจความเสียหายระดับพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
อธิบดี ปภ.ยังแถลงถึงสถานการณ์ฝุ่นขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5ว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เวลา 05.00 น. ในภาคเหนือมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 และปริมาณ PM 10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐานที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 ใน 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ที่ต.ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.ลำปางที่ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ต.บ้านดง ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำพูนที่ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน จ.แม่ฮ่องสอนที่ต.จองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.น่านที่ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.แพร่ ที่ต.นาจักร อ.เมืองแพร่ และที่จ.ตาก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด
โดยมีค่า PM 2.5 ระหว่าง 53-112 มคก./ลบ.ม. ค่า PM 10 ระหว่าง 66- 135 มคก./ลบ.ม. และ AQI มีค่าระหว่าง 106- 255 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะต.ช้างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ค่า PM2.5 อยู่ที่ 112 มคก./ลบ.ม. ค่า PM10 อยู่ที่ 135 มคก./ลบ.ม. และ AQI มีค่า 255 และพื้นที่ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง มีค่า PM 2.5 อยู่ที่ 91 มคก./ลบ.ม. ค่า PM10 อยู่ที่ 116 มคก./ลบ.ม. และ AQI มีค่า 201 ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ มลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่น PM 2.5 ตรวจพบค่าระหว่าง 36–67 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เผาในที่โล่งในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอนว่า บริเวณรอบท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ทั้งเทือกเขาและในบ้านเรือนประชาชน ยังมีการเผาเศษวัชพืชและเผาป่า แทบทุกวันส่งผลให้เกิดควันไฟสะสมในอากาศ ทำให้ค่าปริมาณฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น ทั้งที่หน่วยงานภาครัฐได้ระดมรถน้ำดับเพลิง ทำการพ่นฝอยละอองน้ำเพื่อลดปริมาณฝุ่นทุกวันแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถสู้ปริมาณฝุ่นที่เกิดจากควันไฟป่า ควันรถ และแหล่งโรงงานต่าง ๆ ในพื้นที่ได้ ทั้งนี้ในช่วงสายของวันนี้ พบว่า เครื่องบินโดยสารที่เดินทางจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ มายังท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ต้องบินฝ่าหมอกลงมายังรันเวย์และทางท่าอากาศยานต้องเปิดไฟนำร่อง เพื่อความปลอดภัยให้เครื่องบินและผู้โดยสารที่นั่งมาในเที่ยวบินดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี