ในที่สุด สนช.ก็ยอมถอนร่างกฎหมายพระราชบัญญัติข้าวออกจากวาระการประชุม สนช. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อกลับไปทบทวนปรับแก้เนื้อหาอีกครั้ง หลังเกิดกระแสท้วงติงจากภาคเกษตรกรและชาวนา แต่ก็ยังยืนยันที่จะเสนอต่อที่ประชุม สนช. อีกครั้ง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่ง นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ชี้แจงภายว่า เนื้อหาสาระในกฎหมายเกี่ยวกับการจำคุกชาวนา และปรับ 1 แสนบาทนั้นไม่มี รวมถึงการซื้อ-ขายพันธุ์ข้าวท้องถิ่น กรรมาธิการจะได้พิจารณาเพื่อเขียนให้ชัดเจน ขณะที่ร่างกฎหมายนี้จะมีกรรมการจากชาวนา 4 คน ใช้อำนาจร่วมกับรัฐบาล และมีตัวแทนชาวนาอยู่ในอนุกรรมการพัฒนาพันธุ์พืช โดยจะเขียนในกฎหมายให้เคลียร์ในหลายประเด็น อาทิ ข้าวสายพันธุ์ ต่างๆ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด ที่มีอยู่แล้ว ยังรับรองได้อยู่ สามารถขายกันเองในชุมชนได้ ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายเร่งด่วน เพื่อความรอบคอบ จึงจะนำความเห็นต่างของทั้งชาวนา นักวิชาการ และทีดีอาร์ไอ ที่จะเสนอเพิ่มส่งมาได้ที่กรรมาธิการ ทั้งนี้ในร่างพ.ร.บ.ข้าว ร้อยละ 90 ของกฎหมายดีอยู่แล้ว เพียงแต่มีการสื่อสารที่ผิดพลาด พร้อมทั้งยืนยันว่า การพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่เคยมีการบังคับชาวนา เพราะมีการยกเว้นข้อปฏิบัติบางประการแก่ชาวนาแต่แรก และไม่มีการกำหนดทั้งโทษปรับ และโทษจำคุกแก่ชาวนาใดๆ ทั้งสิ้น....อย่างไรก็ดี ร่างพ.ร.บ.ข้าวฉบับนี้ ถูกเสนอโดย สนช.ไม่ใช่รัฐบาล และที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ เองและอีกหลายฝ่ายก็แสดงความกังวลในเนื้อหาบางประการ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองพันธุ์ข้าวเพื่อจำหน่ายที่กำหนดโทษจำและปรับ เพราะอาจกระทบกับชาวนาที่ทำการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวตามวิถีชุมชน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ก็ได้มอบหมายให้กรมการข้าวทำหนังสือท้วงติงไปยัง สนช.มาก่อนแล้ว แต่แม้ว่ากรรมาธิการพยายามชี้แจงว่าได้ปรับแก้มาตราดังกล่าวให้ยกเว้นชาวนาที่เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง หรือซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนได้อิสระก็ตาม แต่สังคมก็ยังมีความกังวล และเสนอให้ สนช.ชะลอไว้รอสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งพิจารณาต่อจะเหมาะสมกว่า...ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปนะครับว่าสรุปแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนเรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีของข้าวไทย เมื่อกรมการข้าวรับรองข้าวพันธุ์ใหม่ผลผลิตสูง 1.2ตัน/ไร่ ตอบโจทย์ข้าวนุ่มส่งออกอาเซียน โดยนายประสงค์ ประไพตระกูล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าว ครั้งที่ 1/2562 และมีมติรับรองพันธุ์ข้าว กข 79 ซึ่งเป็นข้าวพื้นนุ่มที่มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 118 วันโดยวิธีปักดำ มีคุณภาพเมล็ดทางกายภาพดี เมล็ดเรียวยาว ท้องไข่น้อย คุณภาพการสีดีมากสามารถผลิตเป็นข้าวสาร 100% ชั้น 1 ได้ เป็นข้าวอมิโลสต่ำ 16.82% ข้าวสุกนุ่ม ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 809 กิโลกรัมต่อไร่ ศักยภาพสามารถให้ผลผลิตสูง 1,182 กิโลกรัมต่อไร่ เสถียรภาพผลผลิตดี และค่อนข้างต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคไหม้ แต่อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดหลังขาว เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือและภาคกลาง จากการประชุมของคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าว ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจากหลายส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมค้าข้าวไทย ให้ความเห็นว่าข้าว กข79 มีศักยภาพทั้งในแง่การผลิตและมีตลาดรองรับ หลังจากนี้กรมการข้าวจะเร่งวางแผนดำเนินการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้เพาะปลูกให้เร็วที่สุด โดยจะใช้เวลาในการขยายพันธุ์ 2 ฤดูก็จะสามารถมีเมล็ดพันธุ์ชั้นจำหน่ายประมาณ 200 ตัน รองรับพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 500,000 ไร่
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยท่านอธิบดีโอภาส ทองยงค์ ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพการให้กับบุคลากรของกรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้นำไปถ่ายทอดให้กับสหกรณ์นำไปใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดในขบวนการสหกรณ์ต่อไป ล่าสุดเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร การเสริมสร้างศักยภาพการให้บริการโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ปี
2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจให้กับข้าราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในการวางระบบบัญชีสหกรณ์ การใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร และสามารถนำไปถ่ายทอด สอนแนะ ให้คำปรึกษา แนะนำแก่บุคลากรของกรมฯและพนักงานสหกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี