25 ก.พ.62 นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการนำไข่ไก่จากภาคกลางไปขายโดยแข่งกันตัดราคาลงในภาคใต้ เพื่อแย่งตลาดกัน ซึ่งได้เร่งเข้าไปแก้ไขโดยขอความร่วมมือจากผู้รวบรวมไข่ไก่หรือล้งทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ไม่ให้ขายเพื่อกระจายสินค้าออกสู่ในตลาดในราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของผู้เลี้ยง หากทำเช่นนั้นเกษตรกรรายย่อยจะอยู่ไม่ได้ ภาคใต้มีแม่ไก่ยืนกรง 5.8 ล้านตัว มีไข่ไก่ออกมา 5 ล้านฟองต่อวัน ยังต้องการเพิ่มอีกวันละ 1.5 ล้านฟอง ที่ผ่านมามีไข่ไก่จากภาคกลางไปยังล้งไข่ภาคใต้สัปดาห์ละ 11 ล้านฟอง แต่เนื่องจากกลุ่มผู้เลี้ยงภาคกลางซึ่งเป็นผู้เลี้ยงรายใหญ่ 200,000 ตัวขึ้นไปหลายรายขยายการเลี้ยงขึ้นอีกหลายเท่าตัว โดยไม่ได้หาตลาดไว้ล่วงหน้า ทำให้เมื่อขายไข่แต่ละวันไม่หมด จึงขายตัดราคากันเอง แล้วนำไปขายตัดราคาผู้เลี้ยงไก่ไข่ในภาคใต้ด้วย รวมทั้งยังมีการแอบนำบรรทุกไข่ไก่ใส่รถกระบะลงไปขายให้ผู้ค้าอีกวันละ 30,000 ฟอง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ของภาคใต้ ขณะนี้ไข่คละหน้าฟาร์มในภาคใต้อยู่ที่ฟองละ 2.50 บาท เป็นราคาที่ผู้เลี้ยงอยู่ได้ ไม่ต้องการให้ลดลงไปกว่านี้
นายสุเทพ กล่าวว่า เรียกร้อง นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ไขปัญหาผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคกลางขยายการเลี้ยงโดยไม่ได้หาตลาดไว้ล่วงหน้า เมื่อขายในภาคกลางไม่หมด ก็ส่งไปตัดราคาขายทั้งในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนหน้านี้ราคาไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้นแล้วหลังเทศกาลกินเจ อีกทั้งกรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือให้ลดแม่ไก่ยืนกรงลง ผู้เลี้ยงส่วนหนึ่งให้ความร่วมมือ แต่ผู้เลี้ยงอีกส่วนหนึ่งเห็นว่า แนวโน้มราคาไข่ไก่ดีขึ้นจึงยืดอายุแม่ไก่ยืนกรงออกไปอีก จำนวนไข่ไก่จึงยังคงล้นเกิน เกิดปัญหาราคาตกต่ำซ้ำซากวนเวียน
“หากผู้เลี้ยงรายละ 200,000 ตัวขึ้นไปให้ความร่วมมือปลดแม่ไก่ยืนกรง จากที่อายุ 78 – 80 สัปดาห์ ให้ปลดที่อายุ 68 – 70 สัปดาห์ จนกระทั่งแม่ไก่ยืนกรงลดลงจากปัจจุบัน 3-4 ล้านตัว ปริมาณไข่ไก่ก็จะสมดุลกับความต้องการบริโภค ราคาก็มีเสถียรภาพ อีกทั้งการแก้ปัญหาด้วยการแข่งกันขายตัดราคานั้นส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงทั้งระบบ โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงไม่เกิน 10,000 ตัวซึ่งต้นทุนการผลิตสูงกว่ารายใหญ่ทั้งค่าอาหารและการจัดหาอุปกรณ์การเลี้ยง ซึ่งต้นทุนอยู่ที่ฟองละ 2.70 บาท แต่ขายได้ 1.70 – 2.00 บาท ดังนั้นหากผู้เลี้ยงรายใหญ่ยังคงทำเช่นนี้ เกษตรกรรายย่อยจะไม่มีที่ยืน ขาดทุนกันหมด”
นายสุเทพ กล่าวว่า ได้ประสานมายังนายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อขอหารือให้แก้ปัญหาไปในทิศทางเดียวกันคือ ให้ผู้เลี้ยงรายใหญ่ในภาคกลางซึ่งเป็นแหล่งผลิตไข่ไก่ที่ใหญ่ที่สุดลดจำนวนการเลี้ยงลง อีกทั้งหาตลาดที่แน่นอนได้ก่อน แล้วจึงค่อยกำหนดปริมาณการเลี้ยง ดีกว่าขยายการเลี้ยง โดยไม่ได้วางแผนการตลาดไว้เลย เมื่อไข่ออกมามากก็ขายตัดราคากัน ส่งผลกระทบถึงผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั้งประเทศ ซึ่งหวังว่า หากหารือกันแล้ว สามารถดำเนินการได้ตามแนวทางนี้ ราคาไข่ไก่จะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมภายในเวลาอันรวดเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี