วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าวันนี้เป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2458 สมัยนั้นรัฐบาลเห็นสมควรนำวิธีการสหกรณ์ เข้ามาช่วยพัฒนาประเทศให้ประชาชนได้หลุดพ้นจากความยากจน โดยเฉพาะเกษตรกร พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ได้ทรงส่งเสริมให้ก่อตั้งสหกรณ์แห่งแรกคือ สหกรณ์วัดจันทร์ไม่จำกัดสินใช้ ณ ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และทรงเป็นนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนเป็นสหกรณ์แห่งแรก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 ตามรูปแบบสหกรณ์เครดิตแบบไรฟ์ไฟเซนของเยอรมนี ต่อมาในวันที่ 9 ตุลาคม 2527 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติกำหนดให้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น”วันสหกรณ์แห่งชาติ”
“สหกรณ์” ตามความหมายขององค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ หมายถึง องค์การอิสระของบุคคลซึ่งร่วมกันด้วยความสมัครใจ เพื่อสนองความต้องการ และจุดมุ่งหมายร่วมกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมโดยการดำเนินวิสาหกิจที่พวกเขาเป็นเจ้าของร่วมกันบริหารงาน และควบคุมตามแนวทางประชาธิปไตยใช้หลักการของ one man one vote ไม่ว่าจะมีหุ้นอยู่ในสหกรณ์เท่าใดก็ตาม
จากความหมายของสหกรณ์ จึงอาจกล่าวได้ว่าสหกรณ์เป็นองค์กรภาคประชาชนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล สามารถบริหารจัดการองค์กรของตนได้อย่างอิสระ โดยอยู่ภายใต้กรอบอำนาจของกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการรวมตัวกันของผู้คนในสังคมที่อยู่ร่วมกันเป็นสหกรณ์ ต้องเริ่มจากสมาชิกทุกคนมีความมุ่งหวังในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ โดยมีเป้าหมายให้สมาชิกสหกรณ์สามารถพึ่งพาตนเองและยืนบนขาของตนเองได้ พร้อมกับการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นสุข โดยมิได้มุ่งหวังแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน กิจการสหกรณ์ดังกล่าวจึงจะสามารถยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง
หลายท่านอาจมีประสบการณ์กับสหกรณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการจัดตั้งของกลุ่มผลประโยชน์ สหกรณ์เหล่านี้มักเป็นสหกรณ์ที่อายุสั้น เมื่อกลุ่มผลประโยชน์ได้รับผลประโยชน์เต็มที่แล้ว ก็ปล่อยให้สมาชิกที่ไม่รับรู้ความเป็นไปของสหกรณ์รับกรรมไป รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อสหกรณ์อื่นๆ ที่หลงเข้ามาในวงธุรกิจของสหกรณ์เหล่านี้ ต้องเดือดร้อนตามกันไปด้วย สิ่งสำคัญที่สมาชิกสหกรณ์จะต้องคำนึงถึงคือ สหกรณ์เป็นกิจการที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสมาชิกด้วยกันเอง ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเพื่อจะแสวงหากำไรมาแบ่งกันหรือเข้ากระเป๋าของใคร ถ้ามีแนวคิดแบบนี้ คงต้องไปรวมตัวกันเป็นบริษัทจำกัดน่าจะตรงกว่า ไม่ต้องมาอาศัยคำว่าสหกรณ์เพื่อใช้หลบเลี่ยงภาษี และทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ลำบากไปด้วย
จากประสบการณ์ของผมที่คลุกคลีกับวงการสหกรณ์อยู่ช่วงหนึ่งของการทำงาน ผมได้ข้อสังเกตว่า สหกรณ์ที่เกิดจากความเดือนร้อนของสมาชิก เป็นความต้องการแก้ไขปัญหาของสมาชิกเอง มักจะค่อยๆ เติบโตและขยายกิจการไปได้ โดยที่ภาครัฐเข้าไปกำกับดูแลเท่านั้น ไปเป็นพี่เลี้ยง ไม่ใช่ไปบังคับให้ทำโน้นทำนี่โดยที่สหกรณ์ไม่ต้องการ แต่เมื่อไปถึงจุดหนึ่งที่สหกรณ์เติบโตขึ้นมาก ผลประโยชน์เริ่มล่อตาล่อใจ ความพอเพียงเริ่มขยายขนาด ร่วมกับคณะกรรมการสหกรณ์และฝ่ายจัดการที่ขาดธรรมาภิบาล เมื่อสองสิ่งนี้ประสานกัน และมีสมาชิกที่ขาดความใส่ใจต่อการดำเนินการของสหกรณ์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายจัดการและคณะกรรมการไป ปัจจัยเหล่านี้เมื่อรวมกันเข้ามักจะเป็นจุดเริ่มของจุดเสื่อมเสมอคำกล่าวที่ว่า หากจะทดสอบว่าใครมีความซื่อสัตย์สุจริตเพียงใด ให้ลองเอาผลประโยชน์มาวางตรงหน้า แล้วดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เห็นกันได้ในวงการนี้
ผมมีความเชื่อว่า ความเข้มแข็งของสหกรณ์ ต้องเกิดจากสมาชิกที่เข้มแข็ง และเชื่อมั่นต่อระบบการเป็นพี่เลี้ยงให้กับสหกรณ์ที่ยังไม่เข้มแข็งให้สามารถยืนได้ด้วยตนเอง ในขณะที่สหกรณ์ที่เข้มแข็งแล้วต้องมีระบบการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเพียงพอ สหกรณ์จะเป็นกลไกในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง เพราะสมาชิกสหกรณ์คือฐานของการพัฒนาประเทศ
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี