วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับใหม่เปิดทางให้ใช้พืชกัญชา–กระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่
18 กุมภาพันธ์ ในฐานะตัวแทนเกษตรกรรู้สึกยินดีที่รัฐบาลเข้าใจ แล้วนำปัญหาที่หมักหมมมานานไปปรับปรุงแก้ไข “กัญชา” แม้เป็นยาแต่ยังคงเป็นยาเสพติดประเภท 5 อยู่ แต่กฎหมายเปิดทางให้นำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ สิ่งที่กังวลใจมากคือ ขั้นตอนขึ้นทะเบียน ทราบกันอยู่ว่าเกษตรกรบ้านเราส่วนใหญ่เพาะปลูกอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลไม่ค่อยเข้าใจกฎระเบียบ กติกา หรือขั้นตอนการทำงานของภาคราชการ หากปล่อยให้เกษตรกรเตรียมดำเนินการเอง มั่นใจว่าจะไม่มีเกษตรกรเครือข่ายไหนได้รับการพิจารณาเลย ภาคราชการจึงไม่ควรวางขั้นตอนซับซ้อน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์กฎหมายเป็นหลัก
“แนวโน้มกฎกระทรวงเท่าที่อ่านตามข่าว ดูเหมือนค่อนข้างทำงานยาก เช่น เกษตรกรในเครือข่ายที่รักษาผู้ป่วยอยู่ ทั้งหมดหากเอกสารผิดหรือไม่ครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง จะผิดกฎหมาย วัตถุดิบ อุปกรณ์สกัดกัญชาทั้งหมดก็จะถูกทำลายทิ้ง นั่นคือสิ่งที่เป็นห่วงมาก ภาคราชการไม่ควรใช้กฎระเบียบหยุมหยิมจนลืมเจตนารมณ์ของกฎหมาย” นายประพัฒน์ กล่าว
และว่า ด้วยคำนึงถึงความซับซ้อนขั้นตอนการขึ้นทะเบียน สภาเกษตรกรแห่งชาติจึงตั้งคณะทำงานขึ้นมาเป็นพี่เลี้ยงและกระจายข่าวถึงเกษตรกรให้ได้มากที่สุด พร้อมประสานมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตกรรมศาสตร์ เป็นต้น ตามที่กฎหมายกำหนด ภาคกลางจะประสานมหาวิทยาลัยรังสิตโดยวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. จะเข้าพบดร.อาทิตย์อุไรรัตน์ อธิการบดี ส่วนในภาคเหนือจะประสานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคอีสานมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาคใต้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อไป
จึงขอแนะนำเกษตรกรที่รักษาตนเอง ญาติและเครือข่ายด้วยพืชกัญชาอยู่ใช้เวลานี้ รีบทำเอกสารประวัติของผู้ป่วยบันทึกเป็นทางการแล้วจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยรวมตัวกัน 7 คนขึ้นไป
แล้วไปที่เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอหรือกรมส่งเสริมการเกษตรแล้วเข้าไปหารือกับส่วนราชการ เช่น อบต. อบจ. หรือหน่วยราชการของรัฐต่างๆ พร้อมสถาบันการศึกษาที่มีคณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ เพื่อเตรียมทำโครงการเสนอโดยต้องพยายามขึ้นทะเบียนให้เสร็จภายใน 30 วันอีก 60 วันสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ เช่น จัดสัมมนา พบปะ พูดคุยทำให้เข้าหลักเกณฑ์ถูกต้องตามระเบียบราชการ ต้องการให้มีแพทย์แผนปัจจุบันเป็นพี่เลี้ยงดูแล เก็บเอกสาร คอยชี้แนะการรักษาก็จะได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการได้ทันที หากไม่เสร็จหลัง 90 วันไปแล้วจะกลายเป็นบุคคลผิดกฎหมายเช่นเดิม ซึ่งการผิดกฎหมายครั้งนี้จะเปิดเผยหน้าและตัวตนด้วยเพราะทั้งหมดจดทะเบียนไว้แล้ว อาจถูกจับกุมดำเนินคดีได้
“พี่น้องเกษตรกรต้องศึกษารายละเอียดให้ดี(http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/019/T_0001.PDF ) และการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ไม่ใช่การเปิดเสรีกัญชา ไม่ใช่เพื่อสันทนาการ แต่เพื่อใช้ทางการแพทย์และมีขั้นตอนขออนุญาต ที่เขียนเอาไว้ในกฎกระทรวง ” ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวปิดท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี