ในที่สุด สนช. ก็ยอมเลื่อนการพิจารณา พ.ร.บ. ข้าว พ.ศ...... ออกไปแบบไม่มีกำหนด พูดง่าย ๆ คือ รอให้ สส. และ สว. ที่กำลังจะเลือกตั้ง หรือสรรหาเข้ามาตามรัฐธรรมนูญ นำมาพิจารณากันใหม่อีกครั้ง...สาเหตุจะมาจากการส่งสัญญาณมาจากรัฐบาล หรือ คสช. หรือไม่ ไม่ยืนยัน แต่หลายคนคงสบายใจขึ้น โดยเฉพาะ อธิบดีกรมการข้าวประสงค์ ประไพตระกูล จะได้เกษียณอายุอย่างสบายใจ
ส่วนคนที่ขมขื่นน่าจะเป็น กฤษณพงศ์ ศรีพงษ์พันธุ์กุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตร...อดีตอธิบดีกรมการข้าว ที่ใครๆ ก็ว่า ถูกเปลี่ยนตัวเพราะ พ.ร.บ.ข้าว ฉบับเดียวกันนี้นี่เอง
ในอนาคต สส. และ สว. จะหยิบยก พ.ร.บ.ข้าว ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง คงต้องพิจารณาในหลายมิติ เพราะ การผลิตข้าว หรือ การทำนาของเกษตรกรไทย มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ผลิตข้าวเพื่อการค้า ทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร และการลงทุนเพื่อให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพผลผลิตที่สูง แข่งขันในตลาดได้ ซึ่งนั่นหมายถึงการใช้พันธุ์ข้าวที่ตลาดมีความต้องการด้วย
อีกรูปแบบหนึ่ง คือ การผลิตแบบวิถีชีวิตชาวนา ปลูกข้าวเพื่อบริโภคในครัวเรือน ส่วนที่เหลือนำไปขายกับพ่อค้าในท้องถิ่น หรือนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอย่างอื่น และชาวนากลุ่มนี้นี่เอง ที่เก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ปลูกเองเป็นส่วนใหญ่
พันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่กลายมาเป็นพันธุ์ข้าวที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน เช่น หอมมะลิ สังข์หยด เสาไห้ หอมนิล เฉี้ยงพัทลุง เหลืองประทิว เหล่านี้ก็มาจากชาวนากลุ่มนี้เช่นกัน เพราะถ้าชาวนาไม่เก็บพันธุ์ข้าวไว้ปลูกเองสืบต่อๆ กันมาก็คงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว นักปรับปรุงพันธุ์ข้าวในยุคนี้ก็คงไม่มีเชื้อพันธุ์ข้าวพื้นเมืองมาทำการวิจัยต่อยอดจนเกิดเป็นข้าวพันธุ์ใหม่ๆ ให้ชาวนาเลือกปลูกอย่างหลากหลาย
ในพ.ร.บ. ข้าว ฉบับที่ร่างขึ้น และถูกดองไว้นี้ ก็มีประเด็นพันธุ์ข้าวนี่แหละเป็นประเด็นหลัก ที่สร้างความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ระหว่างคนร่าง พ.ร.บ. กับคนที่อ่านข้อความในพ.ร.บ. คนที่ร่างพ.ร.บ. บอกว่าชาวนาจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่คนอ่านเข้าใจว่า ชาวนาเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่สามารถเก็บพันธุ์ข้าวไว้ปลูกเองได้ เนื่องจาก พ.ร.บ. มีบทลงโทษไว้ค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่คัดค้านก็มองว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน โดยเฉพาะบริษัทธุรกิจเมล็ดพันธุ์พืช และสร้างอำนาจให้หน่วยราชการโดยไม่สมควร โดยเฉพาะกรมการข้าว ผู้จะต้องตรวจรับรองพันธุ์ข้าว และกำกับดูแล กฎหมายฉบับนี้
ฝ่ายชาวนาเอง หรือผู้ที่อยู่ในวงการข้าว ไม่ว่าจะเป็นสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว สมาคมโรงสีข้าวไทย หรือตัวแทนชาวนาในจังหวัดต่างๆ ก็บอกว่าตนเองไม่เคยมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นต่อ พ.ร.บ. ฉบับนี้เลย
สุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย พูดไว้ในเวทีเสวนา ที่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่าร่างพ.ร.บ. ข้าว ฉบับนี้อ้างว่าออกกฎหมายมาเพื่อชาวนา แต่คนร่าง พ.ร.บ. นี้ไม่มีความชำนาญเรื่องข้าวเลย ที่อ้างว่าชาวนาไทย 15 ล้านคนจะดีขึ้น เพราะพ.ร.บ. ฉบับนี้ ในทางตรงข้ามจะทำให้ชาวนาล่มสลายมากกว่า
ดร. นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ของทีดีอาร์ไอ ตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวแล้ว จุดอ่อนของ พ.ร.บ.ข้าว ฉบับนี้ ยังมีเรื่องของการขายข้าว โดยกำหนดให้ผู้รับซื้อข้าวเปลือกต้องออกใบรับรองการซื้อข้าวเปลือกทุกครั้ง และส่งสำเนาใบรับรองให้กรมการข้าวเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูล หรือเพื่อป้องกันการซื้อตัดราคา แต่ในทางปฏิบัติไม่อาจพิสูจน์ความผิดในเรื่องตัดราคาได้
จุดอ่อนอีกประการหนึ่งคือ พ.ร.บ. ฉบับนี้ ไม่มีมาตราที่ระบุว่าจะพัฒนาอาชีพชาวนาให้มั่นคงยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของการตรา พ.ร.บ. นี้แต่อย่างใด รวมทั้งจุดอ่อนประการที่สาม คือ การโอนอำนาจของกรมวิชาการเกษตรบางภารกิจ ใน พ.ร.บ. พันธุ์พืช และ พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืชไปให้กรมการข้าว ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบทบาทของกรมการข้าวในฐานะนักวิจัย กับ บทบาทในการควบคุมออกใบอนุญาต
กล่าวคือ เป็นการเพิ่มอำนาจให้กรมการข้าว ในขณะที่โครงสร้างกรมการข้าวในปัจจุบันไม่ได้รองรับบทบาท อำนาจหน้าที่ ที่กว้างขวางยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
จากประเด็นที่สร้างความสับสน และข้อคิดเห็นของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ. ข้าว ฉบับนี้ คงทำให้รัฐบาลใหม่ที่ได้มาจากการเลือกตั้ง นำไปพิจารณา และแก้ไข ที่สำคัญคือต้องให้ผู้ที่อยู่ในวงการข้าวทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็นด้วย
ที่สำคัญอีกประการ คือการสร้างอำนาจ หรือเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน หรือการตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ โดยการดึงบางส่วนมาจากหน่วยงานเดิม มารวมกันใหม่ สร้างปัญหามาเยอะแล้ว....ดูอย่างการยางแห่งประเทศไทย ผ่านมา 4 ปีแล้ว ยังไม่ลงตัว.....
ขึ้นต้นเป็นข้าว....ทำไมมาจบที่ยาง....ก็ไม่รู้สินะ
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี