“บิ๊กป้อม” เป็นประธาน มอบคืนโฉนดที่ดินกว่า 2 พันฉบับ ช่วยชาวมหาสารคามปลดทุกข์หนี้นอกระบบ เผยยอดรวมทั้งประเทศ ช่วยชาวบ้านแล้ว19,488ราย ได้โฉนดที่ดินคืน1.6หมื่นฉบับ เนื้อที่ 47,784ไร่ 28ตารางวา รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นทะลุ2หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สิน ของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปฉช.ตร.) ร่วมพิธีมอบคืนโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชน ครั้งที่ 8 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธี
โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญ เร่งรัดขับเคลื่อนแก้ไข จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่าปัญหาหนี้นอกระบบได้สร้างปัญหาก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม โฉนดที่ดินตกอยู่ในกลุ่มนายทุนเพียงไม่กี่คน หนำซ้ำยังเอาเปรียบลูกหนี้อีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการปราบปรามทั่วประเทศบังคับใช้กฎหมายเพื่อคืนที่ดินให้กับประชาชนที่ถูกนายทุนเอารัดเอาเปรียบ บางรายถูกดำเนินคดีจากกลุ่มนายทุนที่ฉ้อฉลกลโกง จนแทบไม่มีที่ยืน ขาดที่พึ่งหมดศรัทธาจากเจ้าหน้าที่รัฐ ในส่วนพฤติกรรมของนายทุนส่วนใหญ่ไม่ต่างจากเดิมมีการทำนิติกรรม อำพราง ให้ชาวบ้านเซ็นต์ชื่อในกระดาษเปล่า อีกทั้งมีการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร ริเริ่มในการที่จะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยการจัดให้มีการขึ้นทะเบียนนายทุนในพื้นถิ่น จังหวัด ตำบล อำเภอ หมู่บ้าน โดยการนำกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่เชิงรุก ผ่านรูปแบบสินเชื่อของรัฐฟิโกไฟแนนเชียล และนาโนไฟแนนเชียล เพื่อให้ที่ดินของประชาชนเหล่านี้ไม่ต้องย้อนกลับไปตกในมือของนายทุนอีกครั้งพร้อมทั้ง พล.อ.ประวิตร ยืนยันอย่างแน่วแน่ ในการที่จะแก้ไขปัญหาให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ลบภาพความทุกข์จากการเป็นหนี้ที่ไม่เป็นธรรม เหมือนในอดีตที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร จึงนำแนวทางการบูรณาการขับเคลื่อนทุกภาคส่วน โดยนำการบังคับใช้กฎหมาย นำการเจรจาประนีประนอม โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและจะคืนโฉนดที่ดินให้ถึงมือประชาชนคนสุดท้าย โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง วันนี้ พล.อ.ประวิตร เร่งขับเคลื่อน มุ่งมั่น ลงพื้นที่ทั้ง ภาคอีสานตอนบน และตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ อย่างต่อเนื่อง
ทางด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ในการมอบคืนโฉนดที่ดินให้แก่พี่น้องประชาชนที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ตนได้รับข้อมูลว่า ยังคงมีพี่น้องประชาชนเดินทางมาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) บูรณาการกำลังร่วมกับทุกภาคส่วนเข้าดำเนินการตรวจค้น จับกุม ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดกฎหมาย และอีกส่วนหนึ่งได้มีการเจรจา ไกล่เกลี่ย ปรับโครงสร้างหนี้ให้เป็นธรรมทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ โดยเป็นการยินยอมพร้อมใจในการมอบคืนโฉนดกลับไปยังพี่น้องประชาชนอีกครั้งทั่วประเทศ ตรงตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำและคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนของรัฐบาล ที่ตั้งใจขับเคลื่อนมาโดยตลอด ทำให้วันนี้สามารถคืนความสุขให้กับประชาชนได้ โดยมีการคืนโฉนดที่ดินสู่มือประชาชนลดความเหลื่อมล้ำอย่างจับต้องได้
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ เราสามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยจนทำให้ลูกหนี้ได้รับคืนทรัพย์สิน รวมครั้งนี้ด้วยเป็น จำนวน 19,488 ราย เป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 16,004 ฉบับ เนื้อที่ 47,784 ไร่ 28 ตารางวา รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 20,482,461,599 บาท
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปฉช.น.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย รอง ผบก.น.1-9 รอง ผบก.สปพ.(191) ร่วมกันส่งมอบคืนโฉนดตามนโยบายของรัฐบาล กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาสำคัญของประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 23 มกราคม-19 กุมภาพันธ์ 2562
ทั้งนี้ ได้มีการบูรณาการกำลังร่วมกับทุกภาคส่วนสืบสวน ตรวจค้น จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิด และอีกส่วนได้มีเจรจาไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ ให้เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยสามารถจับกุมเจ้าหนี้ที่กระทำผิดได้ 15 คดี ผู้ต้องหา 21 คน ยอดประชาชนที่ได้รับการไกล่เกลี่ยและประนอมหนี้ 16 คน ของกลางเงินสด 26,950 บาท โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง มูลค่า 110,000 บาท รถจักรยานยนต์ 12 เครื่อง มูลค่า 600,000 บาท รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 500,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิน 1,236,950 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี