เรื่องสารเคมีทางการเกษตรนี่ เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ยิ่งไปอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายแล้ว มีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นเจ้าของกฏหมาย การควบคุมสารเคมีต่างๆ ผ่านคณะกรรมการวัตถุอันตราย จึงเป็นเรื่องที่เรียกว่า ข้อมูลต้องชัดเจน จึงจะฟันธงออกมา
ผมเองเคยมีประสบการณ์โดยตรงกับมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย สมัยเมื่อสักสิบปีก่อน ด้วยความหวังดีของกรมวิชาการเกษตรที่จะควบคุมคุณภาพของสารสกัดจากสะเดา เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้สารสกัดที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ จึงเสนอให้มีการแจ้งการผลิต ซึ่งคือการเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 พอผ่านเข้าไปในคณะกรรมการ คณะกรรมการเห็นว่าสารต่างๆ ที่สกัดจากพืชชนิดอื่นก็ควรจะมีการควบคุมคุณภาพด้วย กลายเป็นเพิ่มชนิดเป็น 13 ชนิด และในที่สุดกระแสสังคมจากความรู้และความไม่รู้ตีกันจนวุ่นวาย จนต้องถอยออกมา ยืนไว้อาลัย และปัจจุบันเกษตรกรผู้ใช้สารสกัดจากธรรมชาติเพื่อกำจัดศัตรูพืชก็ก้มหน้าก้มตาพึ่งพาตัวเองกันไป ใครจะถูกใครจะผิดก็ไม่รู้ แต่ผู้ใช้คือเกษตรกรก็คือผู้ได้รับผลกระทบไปตรงๆ
ย้อนกลับมาเรื่องสารเคมีทางการเกษตรทั้ง 3 ชนิด ที่กำลังเป็นประเด็นกันอยู่ในเวลานี้ เกษตรกรกลายเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ข้อมูลที่ออกมาจากทั้งผู้รู้จริงและผู้รู้ไม่จริง ทำเอาคนกลางๆ สับสนไปด้วย ประเด็นสารเคมีดังกล่าวเป็นสารเคมีที่ว่ากันว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายมักจะใช้สารเหล่านี้ การห้ามใช้สารเคมีพวกนี้ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าตัวตายได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วยังมีสารเคมีและเครื่องมืออีกหลายอย่างที่เป็นเครื่องมือในการฆ่าตัวตาย ภาครัฐต้องตามไปห้ามการจำหน่ายสิ่งของต่างๆ เหล่านี้อีกหรือไม่ อันนี้ก็น่าคิด
ประเด็นที่ผมเป็นกังวลมากกว่าการห้ามใช้หรือไม่ห้าม คือ การใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างถูกต้องมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการถูกเวลา ถูกวิธี
ถูกที่ ทำอย่างไรที่จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่รอให้ภาครัฐเข้าไปกำกับ บังคับด้วยกฏหมาย เริ่มตั้งแต่ผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ร้านค้า และตัวเกษตรกรเอง โดยผู้นำเข้าจะต้องนำเข้าสารเคมีที่มาจากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพ มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี ในขณะที่ผู้ผลิตก็ต้องผลิต แบ่งบรรจุสารเคมีทางการเกษตรให้ได้ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตร ฉลากถูกต้อง มีรายละเอียดชัดเจน มีการจัดการทางสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนผู้จัดจำหน่าย ต้องจัดจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรที่มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องเช่นกัน ไม่ใช่สารเคมีที่ด้อยประสิทธิภาพ และร้านจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตร จะต้องมีผู้ที่ผ่านการอบรมเป็นผู้ควบคุมการจำหน่าย ไม่ให้คำแนะนำการใช้สารเคมีที่ไม่ถูกต้อง ไม่เน้นขายเฉพาะสารเคมีทางการเกษตรที่ตนเองได้กำไรสูง เพราะเชื่อได้ว่าเกษตรกรมักไม่ได้ตัดสินใจเลือกซื้อสารเคมีทางการเกษตรตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่จะซื้อสารเคมีตามคำแนะนำของผู้ขายและนำไปใช้แบบ double dose เข้าไปอีก
สำหรับเกษตรกรซึ่งผู้ใช้สารเคมีทางการเกษตร จะต้องป้องกันตัวเองให้มีความปลอดภัยจากการใช้สาร ใส่เสื้อผ้ามิดชิด มีหน้ากากปิดจมูก ปิดปาก ใส่แว่น ใส่หมวก สวมถุงมือ ใส่รองเท้ามิดชิด หลังการใช้สารต้องทำความสะอาดร่างกายและอุปกรณ์ต่างๆ ทันที มีการทำลายบรรจุภัณฑ์ที่ถูกต้อง จัดเก็บสารเคมีทางการเกษตรเป็นสัดส่วน มิดชิด และที่สำคัญคือใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างถูกวิธี ถูกเวลา ถูกที่ และเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนต้องเว้นระยะปลอดภัยก่อนการเก็บเกี่ยว ทางที่ดีคือหากมีวิธีการอื่นที่ดีกว่า ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเหล่านี้เสีย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามส่งเสริมการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้ปลอดภัย โดยผลักดันระบบ GAP มาตั้งแต่ปี 2542 จนกระทั่งปัจจุบัน เกษตรกรก็มักจะมีคำถามเสมอว่า ทำ GAP แล้วได้อะไร ทั้งหมดนี้คงไม่ประสบความสำเร็จหากทุกคนไม่ร่วมมือกันมาตั้งแต่โซ่ข้อแรก จะบอกว่าใครถูก ใครผิด คงไม่มี เพราะเราทุกคนในห่วงโซ่ของสารเคมีทางการเกษตร ต่างถูกและผิดเท่ากัน ขึ้นกับว่าเราจะรับผิดชอบบทบาทของตนเองได้ประมาณไหน
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี