ก.เกษตรฯไฟเขียวแผนรับมือ ผลไม้ภาคตอ.-เหนือทะลักเข้าตลาดเม.ย.

ก.เกษตรฯไฟเขียวแผนรับมือ ผลไม้ภาคตอ.-เหนือทะลักเข้าตลาดเม.ย.

วันพฤหัสบดี ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.

 

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ปริมาณผลผลิตผลไม้ในภาคตะวันออกปี 2562 จะมีผลผลิตรวมทั้ง 4 ชนิด ประกอบด้วย ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ประมาณ 911,434 ตัน ซึ่งผลผลิตภาพรวมของผลไม้ทั้ง 4 ชนิดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทุกชนิดคือ ทุเรียน 511,872 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 403,906 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.73 เงาะ 194,513 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 173,224 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 มังคุด 181,390 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มี 73,576 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 146.53 และลองกอง 23,659 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 16,319 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.98 ส่วนผลไม้ภาคเหนือคือ ลิ้นจี่ 41,473 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 41,220 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.61 เพราะสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ต้นไม้ผลมีเวลาพักสะสมอาหารนาน


ทั้งนี้ จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)เห็นชอบแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง) และแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) โดยมอบให้คณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ ปี 2562 ให้เป็นไปตามกลไกของตลาดปกติ เน้นบริหารจัดการเชิงคุณภาพ 3 ระยะ ตั้งแต่ ระยะก่อนเก็บเกี่ยว โดยส่งเสริมการผลิตให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน GAP รวมกลุ่มแปลงใหญ่ และเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า ระยะเก็บเกี่ยว แนะนำเก็บเกี่ยวระยะเหมาะสม ป้องปรามผลผลิตด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด ส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้คุณภาพ ระยะหลังเก็บเกี่ยว ให้คำแนะนำการเตรียมความพร้อมต้นสำหรับฤดูต่อไป

ส่วนการจัดการเชิงปริมาณ ก่อนเก็บเกี่ยว ให้สำรวจและจัดทำข้อมูลประมาณการผลผลิต ระยะเก็บเกี่ยว ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และบริโภคผลไม้ตามฤดูกาล หลังเก็บเกี่ยว ส่งเสริมแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลไม้ พร้อมติดตามสถานการณ์ ประเมินผล โดยช่วงที่ผลผลิตออกมาก (peak) เกษตรกรต้องจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต และราคาเฉลี่ยของผลผลิตตลอดฤดูกาลมีราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทุเรียนได้กำหนดมาตรการระยะสั้นเพื่อควบคุมและป้องกันทุเรียนอ่อนไม่ให้ออกนอกแหล่งผลิต โดยตั้งชุดเฉพาะกิจช่วยสกัดกั้นทุเรียนอ่อนในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ โดยใช้บทลงโทษทางกฎหมาย ได้แก่ 1) กฎหมายอาญามาตรา 271 (93) ผู้ใดขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ หรือปริมาณแห่งของอันเป็นเท็จนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2) พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งรณรงค์แก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ ด้วยการส่งเสริมให้เกษตรกรทำผลผลิตให้ได้มาตรฐาน GAP ส่งเสริมการบริโภคผลไม้โดยตรงกับผู้บริโภค การใช้สติ๊กเกอร์ติดขั้วทุเรียนเพื่อรับรองคุณภาพสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณผลผลิตไม้ผลภาคตะวันออกจะออกสู่ตลาดพร้อมกันช่วงเดือนเมษายน สำหรับช่องทางบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก แบ่งเป็น ทุเรียน กระจายผลผลิตในประเทศ 61% แปรรูป 13% และส่งออก 21% เงาะ การกระจายผลผลิตในประเทศ 82% แปรรูป 7% และส่ออก 11% มังคุด กระจายผลผลิตในประเทศ 67% แปรรูป 6% และส่งออก 27% และลองกอง การกระจายผลผลิตในประเทศ 82% และส่งออก 18%

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top