ความมหัศจรรย์ของแม่น้ำเมียนมา คือ แต่ละสายนั้นกว้างใหญ่มโหฬารครับ อย่างแม่น้ำสายหลักที่หลายท่านคงคุ้น เช่น แม่น้ำอิรวดี (คนเมียนมาเรียกว่า เอยาวดี) มีความยาวตั้งแต่ต้นน้ำในรัฐคะฉิ่น ตอนเหนือสุดไหลผ่ากลางประเทศลงมาทางใต้จนลงทะเลในมหาสมุทรอินเดีย นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำสะโตงที่ไหลลงใต้เช่นเดียวกัน แม่น้ำเหล่านี้จุดที่กว้างมากๆ เราจะมองดูแล้วไม่น่าเป็นแม่น้ำ แต่เป็นทะเลหรือทะเลสาบมากกว่า เพราะกว้างสุดลูกหูลูกตาจริงๆ ครับ ครั้งหนึ่งผมนั่งรถยนต์จากเขตพะโค ข้ามแดนไปรัฐกะเหรี่ยงและรัฐมอญซึ่งต้องเดินทางมาทิศตะวันออกใกล้ประเทศไทย ระหว่างทางต้องข้ามแม่สายหนึ่งที่คนไทยเรียกว่า แม่น้ำสะโตง ถ้าท่านผู้อ่านจำวิชาประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนได้ คือแม่น้ำที่สมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรได้ใช้พระแสงปืนยิ่งข้ามแม่น้ำถูกตัวแม่ทัพเมียนมาคนหนึ่งตายนั่นแหละ ผมวิเคราะห์กับทีมแอปเตอร์คนไทยที่เดินทางไปด้วยกันแล้ว คงเป็นประวัติศาสตร์ที่บันทึกคลาดเคลื่อนไปหรือเปล่า เพราะแม่น้ำสายนี้กว้างจริงๆ เฉพาะส่วนที่ผมกำลังข้ามบนสะพานก็ยาวน่าจะเกือบๆ ครึ่งกิโลเมตร
ความกว้างของแม่น้ำในเมียนมา บางสายใกล้ๆ เมืองย่างกุ้ง ขณะผมนั่งรถข้ามสะพานคำนวณดูแล้วกว้างกว่าแม่น้ำท่าจีนแถวตลาดนครชัยศรีสักสองเท่า ผมถามรองอธิบดีเกษตรฯของเมียนมาว่า ชื่อแม่น้ำอะไร แกบอกว่า นี่ไม่ใช่แม่น้ำ แต่เป็นเพียง creek ซึ่งแปลว่า ลำห้วย ทำเอาผมงงงวยไปเลย นอกจากจะมีความกว้างใหญ่มโหฬารแล้ว ริมตลิ่งแม่น้ำเท่าที่ผมนั่งเรือเร็วไปเมืองบูทิดองนั้น ตลอดสายส่วนมากดูราบเรียบไร้ต้นไม้กอไผ่ใดๆ ทั้งสิ้น ระดับน้ำสูงจนเกือบติดกับผิวดินริมตลิ่ง ซึ่งเวิ้งว้างราบเรียบยาวสุดลูกตาคือ แปลงนาสำหรับปลูกข้าว ชาวนาที่ปลูกข้าวสามารถที่จะใช้เครื่องสูบน้ำสูบจากแม่น้ำเข้าแปลงนาที่อยู่ติดกันได้เลย สะดวกอย่างยิ่ง คุณลักษณะพิเศษของประเทศเมียนมาแบบนี้ ผมเคยจำได้ว่านานมาแล้ว คุณวิชัย อดีตนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เคยเล่าถึงศักยภาพในการพัฒนาของประเทศเมียนมาว่า มีมากกว่าประเทศอื่นๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้ำ ตลอดจนแรงงานคน ล้วนมีอยู่อย่างมากมายเหลือเฟือ
ระหว่างที่นั่งรถเดินทางผ่านแม่น้ำต่างๆ ที่กว้างใหญ่ที่กล่าว ผมก็นึกถึงสาเหตุว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็ได้ทดสอบพรรคพวกคนแอปเตอร์ที่เดินทางไปด้วยกัน เพื่อวิเคราะห์ จึงได้คำตอบว่า แม้เมียนมาจะเป็นดินแดนติดกับประเทศไทย แต่ต้นน้ำของเมียนมาไม่ได้เกิดจากน้ำฝนตกสะสมเหมือนเช่นแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ของเรา แต่ต้นน้ำเมียนมาเกิดจากเทือกเขาหิมาลัย เหมือนๆ กับต้นน้ำในประเทศอินเดีย บังกลาเทศ แหล่งน้ำมาจากการละลายของหิมะ ไม่ได้เกิดจากฝน จึงทำให้เกิดมวลน้ำมหาศาลในแต่ละปีกัดเซาะพื้นดินจนเกิดเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่มโหฬารดังที่เห็น นี่คือผลการวิเคราะห์ของเรา ผิดถูกอย่างไร ไม่มีเอกสารตำราใดยืนยัน ท่านผู้อ่านหากมีเหตุผลหรือทฤษฎีอื่นก็สามารถแสดงเสริมหรือหักล้างได้ครับ
คณะเราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง บนเรือเร็ว ซึ่งบางช่วงก็จะมีเรือบรรทุกสินค้า เรือโดยสารวิ่งสวน รองอธิบดีเกษตรฯของเมียนมาเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเคยทำหน้าที่เป็นเกษตรจังหวัดที่รัฐยะไข่เคยเดินทางโดยเรือโดยสารธรรมดาจากชิตตเวมาบูทิดองใช้เวลาเกือบวันเต็ม แต่คราวนี้เร็วมาก มีคณะเจ้าหน้าที่มารับที่ท่าเรือ ทั้งนี้เพราะมีท่านรัฐมนตรีของรัฐไปด้วย กลุ่มเรามีผมและคณะคนไทยรวม 3 คน และก็มีคนญี่ปุ่น 1 คน ซึ่งถูกส่งมาประจำที่สำนักงานแอปเตอร์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ได้รับสิทธิพิเศษสุดๆ ที่ทางการเมียนมากรุณาอนุญาตให้มาที่เมืองบูทิดองและมงดอได้ ปกติหากเป็นต่างชาติ หรือหน่วยงานที่แม้จะมาจากสหประชาชาติ ก็มักได้รับการปฏิเสธที่จะให้เข้ามา ทั้งนี้ เพราะดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่มีความขัดแย้งระหว่างเมียนมาและโรฮีนจาซึ่งเป็นชาวมุสลิม (ที่คนหรือทางการเมียนมาปฏิเสธเรียกชื่อนี้ แต่เรียกว่า เบงกาลี) ฉะนั้นความในต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเมืองผมจึงขออนุญาตไม่พูดถึง แต่คงจะเล่าเกี่ยวกับงานแอปเตอร์และสภาพทั่วไปอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องอ่อนไหวครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี