แล้งผิดปกติ! ‘สมิทธ’เตือนคนไทย  ร่วมมือกันประหยัดน้ำ

แล้งผิดปกติ! ‘สมิทธ’เตือนคนไทย ร่วมมือกันประหยัดน้ำ

วันเสาร์ ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.

แล้งผิดปกติ!

‘สมิทธ’เตือนคนไทย

ร่วมมือกันประหยัดน้ำ

“สมิทธ”ระบุปีนี้ร้อนมาก ร้อนนาน และแล้งผิดปกติ แนะรัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชน ขอให้ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด คาดอาจเกิดฝนทิ้งช่วง 2 เดือน ด้าน ปลัดเกษตรฯ ยืนยันน้ำพอใช้พ้นฤดูแล้ง ขณะที่“สสนก.”ชี้ปริมาณน้ำใช้การได้จริง 34 เขื่อนใหญ่ทั่วประเทศกว่า 2.3 หมื่นล้าน ลบ.ม. ระบุเขื่อนใหญ่ 19 แห่ง ไม่มีน้ำไหลเข้า สทนช.เผย13เขื่อนขนาดกลาง น้ำแห้งแล้ว ภาคอีสานหนักสุด

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่าสภาพอากาศปีนี้จะร้อนมาก ร้อนนาน ภัยแล้ง จะมากกว่าทุกปี เรียกว่าแล้งผิดปกติ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชน เนื่องจากน้ำที่เก็บไว้ในเขื่อนไม่มาก โดยเฉพาะเขื่อนภาคอีสาน มีปริมาณน้ำน้อยมากจะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือตอนบน เหลือน้ำในเขื่อนไม่มาก แต่ยังมีพอใช้ตลอดฤดูแล้งนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งช่วยเหลือบรรเทาภัยแล้งและแจ้งเตือนประชาชน เกษตรกร ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้ได้เห็นผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งการปลูกข้าวนาปรังใช้น้ำมากต้องหยุดเลยตอนนี้ เพราะจะไม่มีน้ำส่งไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวจะเสียหาย


“โอกาสเกิดฝนทิ้งช่วงมีถึง 1-2 เดือน ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประเทศไทยเกิดแล้งผิดปกติ เพราะเกิดปรากฏการณ์ความชื้นจากขั้วโลกเหนือไม่ลงมา ซึ่งมาจากการเคลื่อนตัวของบรรยากาศโลก มีการเปลี่ยนแปลง โดยทั่วโลกได้รับผลกระทบหมด เกิดสภาวะเอลนิโญปานกลาง ไม่ใช่ประเทศไทยจะร้อนแล้งมากเท่านั้นเกิดทั่วทั้งแถบเอเชีย” นายสมิทธ กล่าว

นายสมิทธ กล่าวว่าสภาพอากาศปีนี้ ลักษณะความชื้นอยู่ขั้วโลกเหนือไม่ลงมา ทำให้มวลอากาศเย็นไม่ลงประเทศจีน เกิดแล้งผิดปกติ เหมือนกับเราขาดน้ำเหมือนกัน ต้องใช้น้ำระมัดระวัง งดเพาะปลูก เก็บน้ำไว้บริโภค และไม่ควรทำนา จะเจอภาวะขาดน้ำ เพราะปริมาณน้ำในเขื่อน เก็บไว้น้อย เช่นภาคอีสาน ไม่มีน้ำตั้งแต่ปีที่แล้ว เขื่อนมีน้ำน้อย เช่นเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำน้อยมาก

“ปีนี้ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณแล้วว่าฝนน้อย อาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงอย่างน้อย 2เดือน เพราะตั้งแต่ต้นปียังไม่มีพายุจร เข้ามาเลย ซึ่งจับตาดู ความกดอากาศสูงตอนบนยังไม่แผ่ลงมา ถ้าลงมาทำให้เกิดฟ้าคะนอง มีฝนบ้าง เพราะช่วงนี้ความกดอากาศสูงจากจีนไม่แผ่ลงมา โอกาสไทยมีฝนน้อยลงกว่าปีก่อน ตอนนี้น้ำในเขื่อนน้อยด้วย ทำให้แล้งจัดในภาคอีสาน สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นห่วงแล้งมากและนาน จากที่พระองค์ทรงเสด็จไปทรงงานในหลายจังหวัด ด้วยอากาศปีนี้ร้อนมากขึ้น เพราะไม่มีความชื้น การทำฝนหลวง ยิ่งไม่มีโอกาสในช่วงนี้ทำไม่ได้ เพราะความกดอากาศสูงไม่ลงมา อยู่ข้างบนมากไป ความชื้นน้อย โอกาสฝนตกน้อย ซึ่งการเก็บน้ำในเขื่อนใหญ่มีน้อยมาก”นายสมิทธ กล่าว พร้อมทั้งได้ขอให้คอยจับตาดูกรณีแผ่นดินจะเกิดหด ขยายตัวซ้ำ รอยร้าวต่างๆ ต้องระวัง เพราะในหน้าแล้ง แผ่นดินจะเกิดรอยร้าวมากขึ้น

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการรับมือภัยแล้ง ว่า ได้สั่งการทุกพื้นที่ร่วมบูรณาการช่วยเหลือประชาชน โดยได้มีการรายงานผลการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2561/62 (1พฤศจิกายน61-7 มีนาคม62) มีปริมาณน้ำเก็บกักทั้งประเทศ แบ่งเป็น 1) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 47,141 ล้าน ลบ.ม. นำมาใช้ได้ 23,599 ล้าน ลบ.ม. 2) อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 412 แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 2,696 ล้าน ลบ.ม. นำมาใช้ได้ 2,310 ล้าน ลบ.ม. และ 3) ปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำอื่น ๆ นำมาใช้ได้ 1,138 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำใช้การทั้งประเทศ 27,047 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำให้ตลอดรอดฝั่งในช่วงแล้งนี้ ซึ่งได้มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 และจากการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งจึงได้มีการเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร ลงไปในพื้นที่เพื่อบรรเทาภัยแล้งในเบื้องต้น รวมทั้งมีแผนการติดตามสถานการณ์และรายงานผลให้ รมว.เกษตรฯ รับทราบในทุกวันจันทร์อีกด้วย

นายถาวร จิระโสภณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มมีสภาพอากาศที่แล้งแห้ง และบางพื้นที่มีโอกาสเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ โดยลักษณะเช่นนี้จะทำให้ในช่วงเวลากลางวันอุณหภูมิสูงขึ้นและอากาศร้อนจัด ปริมาณน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำชลประทานลดน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้สัตว์น้ำที่เกษตรกรเลี้ยงไว้เกิดความเครียด อ่อนแอ และตายได้ ดังนั้น กรมประมงจึงได้จัดทำแผนช่วยเหลือเกษตรกรไว้แล้ว

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.เลย นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผอ.กรมชลประทาน จังหวัดเลย พร้อมหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ลงตรวจอ่างเก็บน้ำหมานตอนบนบ้านโป่งเบี้ย ต.น้ำหมาน อ.เมือง จ.เลย ที่ได้เกิดแห้งขอดและแห้งมากที่สุดในรอบ 32 ปี ทำให้ชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน ใน ต.น้ำหมานได้รับผลกระทบนักท่องเที่ยวหาย แพล่องไม่ได้ ด้านเกษตรขาดน้ำอย่างหนัก พืชรอแห้งตาย อ่างเก็บน้ำหมาน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำประปาภูมิภาคจังหวัดเลย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ล่องแพ ที่เคยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ปัจจุบันไร้นักท่องเที่ยว ชาวบ้านขาดรายได้ โดย นายชัยวัฒนส์ เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้มีการประชุมในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อที่จะให้น้ำอุปโภคบริโภคของตัวเมืองเลย ให้ประชาชนมีน้ำใช้ได้ 6 เดือนต่อจากนี้

วันเดียวกัน เว็บไซต์สำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(สสนก.)แจ้งเตือน ปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยวิกฤติ เช่น เขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำใช้การได้ 94 ล้านลบ.ม.หรือ 4% เขื่อนสิรินธร มีน้ำใช้การได้ 121 ล้านลบ.ม.หรือ 6% เขื่อนกระเสียว มีน้ำใช้การได้จริง 26 ล้านลบ.ม.หรือ 9% เขื่อนทับเสลา น้ำใช้การได้23ล้านลบ.ม.หรือ14% ส่วนเขื่อนน้ำน้อย เช่น เขื่อนห้วยหลวง มีน้ำใช้การ 37 ล้านลบ.ม. 27% เขื่อนจุฬาภรณ์ มีน้ำ44ล้านลบ.ม.หรือ 27% เขื่อนลำนางรอง มีน้ำ 34 ล้านลบ.ม.หรือ 28%

ทั้งนี้แบ่งเป็น 4 เขื่อนใหญ่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่นเขื่อนภูมิพล มีปริมาตรน้ำในอ่าง 7,591 ล้านลบ.ม. หรือ 56% เป็นน้ำใช้การได้จริง3,791 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 28% ระบายออกวันละ20ล้านลบ.ม. เขื่อนสิริกิติส์ มีน้ำ 5,868 ล้านลบ.ม.หรือ62% เป็นน้ำใช้การได้ 3,018ล้านลบ.ม.หรือ32% ระบายวันละ23.50ล้านลบ.ม. เขื่อนแควน้อยฯ มีน้ำ446 ล้านลบ.ม.หรือ47% เป็นน้ำใช้การได้ 403 ล้านลบ.ม.หรือ43% ระบายวันละ 3.89ล้านลบ.ม. เขื่อนป่าสักฯมีน้ำ336 ล้านลบ.ม.หรือ35% ใช้การได้ 333 ล้านลบ.ม.หรือ35% ระบายวันละ3.92 ล้านลบ.ม. รวมน้ำใช้การได้ 7,545 ล้านลบ.ม.ระบายน้ำลงลุ่มน้ำเจ้าพระยา 51.31ล้านต่อวัน

สำหรับปริมาณน้ำใช้การได้ทั่วประเทศใน 35 เขื่อนใหญ่ มีน้ำรวม 23,500 ล้านลบ.ม. รวมระบาย 124 ล้านลบ.ม.ต่อวัน โดยวันนี้มีเขื่อนสิริธร เขื่อนทับเสลา เขื่อนลำพระเพลิง งดการระบายน้ำ และเขื่อนภูมิพล เขื่อนป่าสัก เขื่อนปะแสร์ เขื่อนบางพระ เขื่อนคลองสียัด เขื่อนกระเสียว เขื่อนทับเสลา เขื่อนลำนางรอง เขื่อนสิรินธร เขื่อนมูลบน เขื่อนลำปาว เขื่อนน้ำพุง เขื่อนน้ำอูน เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนแม่งัด เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนนฤบดินทรจินดา ไม่มีน้ำไหลเข้า

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวว่า ขณะนี้มีเขื่อนที่วิกฤตมีน้ำน้อยกว่า 30% มีจำนวนมาก แต่ในเขื่อนขนาดกลางมี 13 เขื่อน ที่ไม่เหลือน้ำใช้แล้ว โดยเฉพาะในภาคอีสาน ได้แก่ 1. อ่างเก็บน้ำห้วยทรายสว่าง จ.สกลนคร เหลือน้ำ 0.1 ล้านลบ.ม. หรือ 7.1% 2.อ่างเก็บน้ำห้วยหินแตก จ.สกลนคร เหลือน้ำในอ่าง 0.2 ล้านลบ.ม. หรือ 10.0% 3.อ่างเก็บน้ำห้วยนาบ่อ จ.สกลนคร ไม่มีน้ำเหลือในอ่างแล้ว 4.อ่างเก็บน้ำน้ำซับคำโรงสี จ.สกลนคร มีน้ำเหลือ 0.5 ล้านลบ.ม. หรือ24.3% 5.อ่างเก็บน้ำหนองสำโรง จ.อุดรธานี เหลือน้ำ 0.3 ล้านลบ.ม. หรือ 6.1%

6.อ่างเก็บน้ำห้วยจานใต้ จ.ร้อยเอ็ด เหลือน้ำ 0.2 ล้านลบ.ม. หรือ 3.1% 7. อ่างเก็บน้ำหนองผือ จ.ร้อยเอ็ด เหลือน้ำ 0.8 ล้านลบ.ม. หรือ 19.1% 8.อ่างเก็บน้ำห้วยสวาย จ.บุรีรัมย์ เหลือน้ำในอ่าง 0.7 ล้านลบ.ม. หรือ 5.5% 9.อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ เหลือน้ำในเขื่อน 1.3 ล้านลบ.ม. หรือ 5.0% 10. อ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ จ.บุรีรัมย์ เหลือน้ำในอ่าง 0.1 ล้านลบ.ม. หรือ 7.6% 11.อ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ จ.นครราชสีมา เหลือน้ำ 0.1 ล้านลบ.ม. หรือ 1.1% และ เขื่อนในภาคตะวันออก มี 1 เขื่อนที่ไม่มีน้ำใช้แล้ว 13.อ่างเก็บน้ำคลองบอน จ.จันทบุรี ขณะนี้เหลือน้ำเพียง 1.2% ของความจุอ่าง

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในอ่างทั้งหมดทั่วประเทศมีจำนวน 412 อ่าง มีจำนวน 89 อ่างที่มีน้ำน้อยกว่า30% ของความจุ

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top