เกิดเหตุระทึกหนุ่ม หน.คนงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซิ่งซีวิคจะกลับบริษัทกระบะตัดหน้ากระชั้นชิดหักหลบพุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูงจนหม้อแปลงตกใส่หน้าเก๋ง เกิดไฟลุกไหม้สาหัสติดภายใน 2 พลเมืองเห็นเหตุการณ์วิ่งเข้าไปช่วยเหลือนำคนขับออกจากรถ เพียงเสี้ยววินาทีเกิดไฟลุกท่วมทันคัน ทั้งยังลามไหม้สายไฟฟ้า ดับเพลิงและกู้ภัยฯ เร่งระดมฉีดพ่นเคมีและน้ำดับเพลิงท่ามกลางความลุ้นระทึกของชาวบ้านที่มุงดู หวั่นลามไหม้บ้านและอู่ซ่อมรถใกล้เคียง
11 มี.ค.62 เมื่อเวลา 14.00 น.ได้เกิดเหตุระทึกรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน กค-7657 บุรีรัมย์ พุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ บ้านห้วยหิน ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อย่างแรงจนเสาไฟฟ้าหัก และหม้อแปลงหลุดตกใส่หน้าเก๋ง แล้วเกิดไฟลุกไหม้รถ มีคนขับทราบชื่อภายหลัง คือ นายศรายุทธ ปะสุดตัง อายุ 25 ปี เป็นหัวหน้าคนงาน บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดภายในรถคันดังกล่าว 1 ราย สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับผู้ที่ขับขี่รถสัญจรผ่านไปมา และชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ต่างพากันวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือคนขับที่ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายใน เพราะมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาบริเวณห้องเครื่องหน้าเก๋งคันที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็ได้มี 2 พลเมืองดี คือ นายบุญมี อเนกโชค อายุ 43 ปี และนายสกุลศักดิ์ จีนเกา อายุ 30 ปี ซึ่งทำงานอยู่ บริษัท สมบูรณ์สุข จำกัด ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ก็ได้วิ่งเข้าไปช่วยเหลือนำนายศรายุทธ คนขับรถเก๋งคันเกิดเหตุซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสติดอยู่ภายในรถออกมา โดยไม่ได้คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ท่ามกลางความลุ้นระทึกของประชาชนที่มามุงดู เพราะขณะนั้นไฟก็ลุกไหม้แรงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็สามารถช่วยเหลือนายศุรายุทธ ออกมาจากตัวรถเก๋งได้สำเร็จแล้วนำตัวไปไว้ที่อู่ซ่อมรถใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นหน่วยกู้ภัยฯ ก็ได้เร่งนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์อย่างเร่งด่วน ซึ่งหลังจาก 2 พลเมืองดีช่วยเหลือนำนายศรายุทธ ออกมาจากซากรถแล้ว เพียงไม่กี่นาทีก็เกิดไฟลุกท่วมทั้งคัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.สวายจีก พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฯ สว่างจรรยาธรรม และภาคเอกชน ก็ได้นำถังเคมี และรถน้ำ มาช่วยกันระดมฉีดดับไฟที่ลุกไหม้รถเก๋ง และลุกลามไหม้เสาไฟ สายไฟฟ้า อย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ลุกลามไหม้บ้านเรือนประชาชน และอู่ซ่อมรถที่อยู่ใกล้เคียง โดยใช้เวลานานกว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการสอบถาม นายละมัย ปะสุดตัง อายุ 65 ปี พ่อของนายศรายุทธ คนขับรถเก๋งคันดังกล่าว เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับลูกชายไปทำธุระที่ ต.สวายจีก กำลังจะเดินทางกลับที่ทำงาน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกล โดยตนขับรถจักรยานยนต์นำหน้า ส่วนลูกชายขับรถเก๋งตามหลังกันมาติดๆ พอถึงจุดเกิดเหตุลูกชายได้พยายามเร่งเครื่องจะแซง แต่จังหวะนั้นได้มีรถกระบะพุ่งออกมาจากซอยตัดหน้ารถเก๋งของลูกชายในระยะกระชั้นชิด ลูกชายจึงหักหลบไปพุ่งชนเสาไฟฟ้าแรงสูงข้างทางเต็มแรง จนเสาไฟหักเอนและหม้อแปลงก็หล่นใส่หน้ารถเก๋งทำให้เกิดเปลวไฟลุกไหม้ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะตอนนั้นมีเปลวไฟลุกไหม้บริเวณห้องเครื่องอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่มี 2 พลเมืองดี วิ่งเข้าไปช่วยเหลือนำตัวลูกชายซึ่งติดอยู่ภายในออกมาได้ ก่อนที่ไฟจะลุกไหม้รถเก๋งเสียหายทั้งคัน
จากการสอบถาม นายบุญมี อเนกโชค และนายสกุลศักดิ์ จีนเกา 2 พลเมืองดี เล่าว่า ขณะกำลังทำงานอยู่ได้ยินเสียงหม้อแปลงระเบิดดังสนั่น จึงรีบวิ่งออกมาดูก็เห็นรถเก๋งพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงและหม้อแปลงหล่นใส่ด้านหน้าแล้วมีเปลวไฟพวยพุ่งบริเวณห้องเครื่อง แต่มีคนตะโกนบอกว่ามีคนขับบาดเจ็บติดภายใน จึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยซึ่งขณะนั้นผู้บาดเจ็บยังมีสติ แต่ไม่สามารถออกมาจากรถได้เพราะขาติดอยู่ จึงช่วยกันดึงออกแล้วหามออกมาไว้ที่อู่ซ่อมรถเพื่อรอเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล
โดยหลังจากนำตัวคนขับมาจากได้ไม่นานก็เกิดไฟลุกไหม้รถทั้งคันอย่างรวดเร็ว ทั้งยังลามไหม้เสาและสายไฟฟ้าเสียหายด้วย ซึ่งขณะนั้นทั้ง 2 คน ไม่ได้คิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเอง เพียงแค่ต้องการอยากจะช่วยผู้ที่ติดอยู่ภายใน เพราะหากไม่ตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยก็อาจจะถูกไฟคลอกเสียชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี