สั่งห้ามเผาเด็ดขาด
‘บิ๊กป้อม’ยัวะ
ฝุ่นควันไฟป่าเหนือพุ่ง
เชียงรายแซงขึ้นที่1ปท.
มธ.สาขาลำปางปิดเรียน
“บิ๊กป้อม” ขึ้นเหนือตรวจสถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่า ไม่พอใจPM2.5 พุ่งไม่หยุด ดันเชียงใหม่รั้งแชมป์โลกติดต่อกัน 4 วัน แม้จับมือเผาแล้ว 64 ราย สั่งจนท.ต้องหยุดเผาให้เด็ดขาด คพ.เผย9 จว.เหนือตอนบน แดงเถือก เชียงรายแซงเชียงใหม่ฝุ่นทะยาน 199 มคก./ลบ.ม.ที่แม่สาย คุณภาพอากาศระดับ 309 สูงสุดในปท. เหตุจากไฟป่าเมียนมาซ้ำเติม ตามด้วยแพร่-น่าน-เชียงใหม่
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5ไมครอนหรือ PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า มีค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 13-42 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ คุณภาพดีมากถึงคุณภาพอากาศปานกลาง
เชียงรายแซงเชียงใหม่ขึ้นที่1
สำหรับสถานการณ์หมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ วันเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นทุกพื้นที่ คุณภาพอากาศมีค่าอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ตรวจพบค่าระหว่าง 64- 199 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานในระดับวิกฤตสีแดงที่ จ.เชียงราย บริเวณต.เวียงพางคำ อ.แม่สายวัดได้ 199 มคก./ลบ.ม. มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) 309 ซึ่งสูงที่สุดในประเทศ และมากกว่าการรายงานของเว็บไซต์ www.airvisual.com ที่ระบุว่า จ.เชียงใหม่มีค่า AQI 288 ซึ่งคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก
9จว.เหนือฝุ่นพิษพุ่งไม่หยุด
ส่วนที่จ.เชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองวัดค่าฝุ่น PM 2.5ได้ 123 มคก./ลบ.ม. ต.ศรีภูมิ อ.เมือง 115 มคก./ลบ.ม. จ.ลำพูน ต.บ้านกลาง อ.เมือง 132 มคก./ลบ.ม. จ.ลำปาง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ 131 มคก./ลบ.ม. ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 135 มคก./ลบ.ม. ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ 123 มคก./ลบ.ม. ต.พระบาท อ.เมือง 136 มคก./ลบ.ม. จ.แพร่ ต.นาจักร อ.เมือง 173 มคก./ลบ.ม. จ.น่าน ต.ในเวียง อ.เมือง 158 มคก./ลบ.ม. ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ 157 มคก./ลบ.ม. จ.พะเยา ต.บ้านต๋อม อ.เมือง 117 มคก./ลบ.ม. จ.แม่ฮ่องสอน ต.จองคำ อ.เมือง 96 มคก./ลบ.ม. ส่วนพื้นที่ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานระดับสีส้ม ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมืองวัดได้ 77 มคก./ลบ.ม. ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม 71 มคก./ลบ.ม. จ.ตาก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด 64 มคก./ลบ.ม.
‘เลย-สระบุรี’วิกฤติสีแดง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ฝุ่น PM 2.5 วิกฤตสีแดงที่ จ.เลย ต.นาอาน อ.เมืองวัดได้ 120 มคก./ลบ.ม. จ.ขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมือง 92 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางพื้นที่ฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง ได้แก่ จ.สระบุรี ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ 60 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับสีส้ม ได้แก่ จ. นครสวรรค์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง 60 มคก./ลบ.ม. จ.พระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา 54 มคก./ลบ.ม. จ.กาญจนบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมือง 71มคก./ลบ.ม. ทั้งนี้ คพ.ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเผาในที่โล่ง เพื่อลดปริมาณฝุ่นควันพิษเพิ่มขึ้น
มธ.ลำปางปิด3วันเริ่ม15มี.ค.
จากสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือที่ยังวิกฤติ ส่งผลให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์ลำปาง ประกาศปิดมหาวิทยาลัย งดการเรียนการสอน ไม่ให้ใช้พื้นที่กลางแจ้ง ทั้งสนามกีฬาและลานออกกำลังกายเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-17 มีนาคม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากร หลังเผชิญฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่องเกิน 3วัน
ไฟป่าเมียนมากระหน่ำแม่สาย
ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศในจ.เชียงรายว่า ยังคงวิกฤติ เพราะค่าฝุ่นหมอกควันในอากาศยังหนาแน่นและสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยที่อ.แม่สาย วัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ 199 มคก./ลบ.ม. และฝุ่น PM 10 วัดได้ 241 มคก./ลบ.ม. ส่วนในเขตอ.เมืองเชียงราย ห่างจากชายแดนเมียนมา 60 กิโลเมตร วัดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ 96 มคก./ลบ.ม. และPM 10 จำนวน 124 มคก./ลบ.ม. ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 4 วันนับตั้งแต่มีปริมาณฝุ่นหมอกควันเข้าเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ช่วงกลางดึกวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองกำลังผาเมืองรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ไฟป่าดอยตุง และชาวบ้าน ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง ว่า เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณสันเขาชายแดนตรงข้ามบ้านลิเซ ต.แม่ฟ้าหลวง โดยไฟลุกไหม้ป่าละเมาะเขตฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับหน่วยงานต่างๆเข้าสกัดไม่ให้ไฟลุกลามเข้าเขตประเทศไทยตลอดทั้งคืน ด้านพ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่นหรือทีบีซีฝ่ายไทยทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังทีบีซีฝ่ายเมียนมาเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้ควบคุมการเกิดไฟไหม้พร้อมนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจแนวชายแดน เพื่อดูจุดเสี่ยงที่เกิดไฟไหม้ฝั่งไทยก่อนวางแผนป้องกัน
ขณะที่นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายสั่งเจ้าหน้าที่นำรถออกฉีดพ่นน้ำในหลายจุดของเขต อ.เมืองเชียงราย มีกำหนดวันละ 2 รอบ เวลา 10.00 น.และ 14.00 น.จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย.
บิ๊กป้อมตรวจฝุ่นไฟป่า9จว.เหนือ
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเดินทางตรวจเยี่ยมกองบังคับการควบคุมไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ พร้อมประชุมร่วมกับนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมได้กล่าวรายงานสถานการณ์และแนวทางแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และไฟป่า ใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยจังหวัดที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนมี 3 จังหวัดได้แก่ จ.ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่
ยัวะเชียงใหม่แชมป์สั่งหยุดเผา
หลังประชุม พล.อ.ประวิตรเดินตรวจดูกำลังพลและอุปกรณ์ดับไฟป่าว่า การเกิดปัญหาไฟป่าและ PM2.5 ตอนนี้หนักมาก สาเหตุมาจากการเผา ดังนั้น ต้องไม่มีการเผาป่าเด็ดขาด ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสร้างการรับรู้ความเข้าใจ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด มีการจับกุมมาแล้ว 64 ราย ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่พอใจ เพราะยังมีปัญหาหมอกควันอยู่ การสร้างการรับรู้กลุ่มที่มาฟังก็ไม่ทั่วถึง ต้องอาศัยกำนันผู้ใหญ่บ้านไปชี้แจงสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจ ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา
วันเดียวเกิดความร้อน324จุด
สำหรับจ.เชียงใหม่ขึ้นอันดับ 1 ด้านมีคุณภาพอากาศที่เป็นมลพิษสูงอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 4 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 - 14 มีนาคม ซึ่งสถิติข้อมูลการเปิดไฟป่าในจ.เชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 13 มีนาคม พบการเกิดจุดความร้อนสะสมทั้งหมด 622 จุด ซึ่งปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 278 จุด โดยข้อมูลจากศูนย์อำนวยการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือกองทัพภาคที่ 3 แจ้งว่า ตรวจพบจุดความร้อน 324 จุด ในวันที่ 14 มีนาคม พบที่จ.เชียงใหม่มากสุด 77 จุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี