กรมน้ำบาดาลชี้ปี’62 แล้งหนักเทียบเท่าปี’57 เสี่ยงขาดน้ำ7 จังหวัด ส่งหน่วย “นาคราช” ออกช่วยเหลือประชาชน ส่วนที่พิจิตร แม่น้ำยมในพื้นที่ตอนกลางแห้งขอดจนเห็นผืนทราย ชาวบ้านเดินข้ามแม่น้ำไปยังอีกฝั่งได้ ผู้ว่าฯ สั่งตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง “นายกฯ” ห่วงความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงพายุฤดูร้อน สั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับมือ
เมื่อวันที่ 14มีนาคม น.ส.จงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทบ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปี 2562 อาจทวีความรุนแรงเทียบเท่ากับปี 2557 ซึ่งคาดว่าจะมาเร็วและยาวนานกว่าทุกปี โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางบางส่วน ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้คาดการณ์ว่าจะมีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งที่ต้องเฝ้าระวัง 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ชัยภูมิ นครราชสีมา เลย กาญจนบุรี และราชบุรี
ส่วนสถานการณ์น้ำบาดาลของประเทศไทย มีปริมาณน้ำบาดาลที่กักเก็บ รวม 1,137,713 ล้านลูกบาศ์กเมตร (ลบ.ม.) มีบ่อน้ำบาดาลรวมทั้งหมด 170,538 บ่อ เป็นบ่อเอกชน 63,411 บ่อ และบ่อราชการ 107,127 บ่อ มีปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร 13,547,386 ลบ.ม./วัน ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำบาดาลในประเทศ มีความต้องการประมาณ 14,741 ล้านลบ.ม./ปี หรือประมาณวันละ 40 ล้านลบ.ม.
น.ส.จงจิตร์ กล่าวว่า กรมฯ ได้เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยมีการตรวจสอบสภาพบ่อน้ำบาดาล เครื่องสูบน้ำ ระบบประปาบาดาล และระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ ให้พร้อมใช้งานเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง โดยดำเนินการดังนี้ 1.จัดเตรียมจุดจ่ายน้ำถาวร 132 จุด ในพื้นที่ขาดแคลนน้ำทั่วประเทศ สามารถจ่ายน้ำได้ประมาณ 100 ลบ.ม./วัน 2.เร่งรัดการเจาะบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ มีเป้าหมายรวม 737แห่ง 3.จัดหน่วยนาคราช 37ชุด ซี่งเป็นหน่วยที่คอยติดตามตรวจสอบและให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการซ่อมบำรุงและดูแลรักษาบ่อน้ำบาดาลและระบบประปาบาดาลให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และ 4.นำรถปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลรวม 18ชุด ผลิตน้ำดื่มสะอาดเข้าไปให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำบริโภค
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือด้านน้ำบาดาลได้ที่ โทรศัพท์ 0 2666 7099 เพื่อกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะได้ประสานให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป
ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ค GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) รายงานว่า จากข้อมูลภาพจากดาวเทียมชี้ให้เห็นว่า มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังนอกเขตชลประทานกว่า 3 ล้านไร่ ซึ่งยังไม่ได้เก็บเกี่ยว และมีหลายจังหวัดปลูกเกินกว่าแผนการเพาะปลูกตามที่ทางราชการกำหนดไว้ โดยเฉพาะนครสวรรค์ กำแพงเพชร และพิษณุโลกที่ปลูกรวมกันเฉียด 5 แสนไร่ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อความเสียหายร่วมแสนไร่ อันเนื่องมาจากภาวะภัยแล้ง ฝนไม่ตกต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้ง ที่บริเวณบ้านวังเทโพ ต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ตอนกลางของแม่น้ำยมในพื้นที่ จ.พิจิตร ปริมาณน้ำในแม่น้ำยม ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลัก แห้งจนเห็นผืนทรายในท้องแม่น้ำยม เหลือเพียงแหล่งน้ำขนาดเล็กที่เป็นล่องน้ำลึก ที่ยังพอมีน้ำหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เกษตรกรต้องต่อท่อสูบน้ำที่เหลืออยู่ในแม่น้ำ เพื่อใช้ทำการเกษตร ขณะที่ชาวบ้านสามารถเดินสัญจรข้ามไปยังอีกฝั่งได้ เนื่องจากปริมาณน้ำที่แห้งเป็นพื้นทราย สถานการณ์ดังกล่าว เริ่มส่งผลกระทบ เนื่องจากไม่มีน้ำต้นทุนในการทำการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่ยังมีการลงมือเพาะปลูกตลอดทั้งสองฝั่งแม่น้ำยม รวมไปถึงน้ำในการอุปโภค และระบบนิเวศน์สัตว์น้ำที่จะขาดที่อยู่อาศัยจากน้ำที่แห้งขอด
นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดพิจิตร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งภาคราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งเป็นประจำทุกๆวัน มีแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งหลายด้าน อาทิ มีการบริหารจัดการน้ำทั้งในและนอกเขตชลประทาน ส่งเสริมให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำสำรอง ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการทำนา จัดเตรียมจุดแจกจ่ายน้ำกลางของแต่ละพื้นที่เอาไว้พร้อมแล้วทุกอำเภอ และสั่งการให้ทุกอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรวจอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ต้องพร้อมใช้การตลอดเวลา เป็นต้น
วันเดียวกัน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสวัสดิภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนหลังได้รับรายงานว่า ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคมนี้ จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบริเวณประเทศไทยตอนบน จึงได้แนะนำให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังอันตราย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ พร้อมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลประชาชน ให้เฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมปฏิบัติการตามแผนเผชิญเหตุด้านสาธารณภัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี