วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
‘กฤษฏา’ปักธง6วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ต้นแบบเดือนพ.ค. มั่นใจรายได้พุ่งปีละ5.66 แสนบาท
17 มี.ค.62 นายกฤษฎา บุญราช เปิดเผยว่าสั่งให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ คณะอนุกรรมการพัฒนาเกษตรและสหกรณ์ ทุกจังหวัด เร่งขับเคลื่อนโครงการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ ให้จัดทำแผนปฏิบัติการแปลงต้นแบบในเดือนพ.ค.นี้ โดยใช้พื้นที่ ส.ป.ก. และนิคมสหกรณ์ซึ่งเกษตรกรรวมกลุ่มกันทำการเกษตรอยู่แล้ว ใน 6 ภูมิภาค ได้พื้นที่เป้าหมายแปลงละ 1,000 ไร่ขึ้นไปได้แก่ ส.ป.ก. ระบำ จ.อุทัยธานี ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ บ่อทอง/หนองใหญ่ จ.ชลบุรี วังน้ำเขียว/ปากช่อง จ.นครราชสีมาโคกสูง จ.สระแก้ว ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี โดยจัดรูปที่ดินตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) คือ เกษตรกรได้สิทธิ์เข้าทำกิน แต่ไม่ได้เอกสารสิทธิส.ป.ก. 4-01 แล้วให้ทำเป็นแปลงรวม จัดรูปแบบสหกรณ์มาเช่าและบริหารจัดการทำเกษตรกรรม ส่วนที่ดินของนิคมสหกรณ์ซึ่งมีอยู่ 36 แห่งทั่วประเทศนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์กำลังคัดเลือกพื้นที่เป้าหมายที่เหมาะสมอยู่
“ทุกหน่วยงานลงทำความเข้าใจเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ ซึ่งเกษตรกรจะรวมแปลงกัน ตัดสินใจเลือกทำการเกษตรที่เหมาะสมตามแผนที่จัดการด้านเกษตรกรรม (Agri-Map)โดยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่ต้องการสินค้าเกษตรมีคุณภาพและปลอดภัย รวมถึงเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ พร้อมกับบูรณาภาครัฐและเอกชนมาจัดหลักสูตรอบรม เน้นวิธีการจัดการสมัยใหม่แบบเกษตรแม่นยำ ปรับเปลี่ยนจากการทำเกษตรกรรมดั้งเดิมให้ผลตอบแทนต่ำไปสู่การทำเกษตรที่ลงทุนน้อยให้ผลตอบแทนสูง นำความรู้ทางเทคโนโลยี เครื่องมือและเครื่องจักรสมัยใหม่มาใช้ในการผลิตเพื่อทดแทนการใช้แรงงาน” นายกฤษฏา กล่าว
ทั้งนี้ ได้ศึกษาเปรียบเทียบรายได้ระหว่างเกษตรกรที่ทำแปลงย่อยกับแปลงใหญ่ กรณีที่ฤดูผลิต 1 ปลูกข้าว ฤดูผลิต 2 ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และฤดูผลิต 3 ปลูกพืชผักนั้น ผลผลิตต่อไร่แบบแปลงใหญ่สูงกว่าแปลงย่อย ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า และได้กำไรมากกว่า ซึ่งจะทำให้รายได้ครัวเรือนต่อปีสูงขึ้นเป็น 566,107 บาท จากเดิม 350,607 บาท เพิ่มขึ้น 215,500 บาทหรือร้อยละ 61.5
สำหรับวิธีบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่นั้นเป็นแบบมีส่วนร่วมที่ทันสมัย โดยให้เกษตรอำเภอร่วมกับเจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดรวมกลุ่มเกษตรกรเจ้าของที่ดินเพื่อจดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชน แล้วคัดเลือกเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพหรือคัดเลือกบุตรหลานของเกษตรกรเจ้าของที่ดินต้องการทำการเกษตรเข้าอบรมหลักสูตรเกษตรกรสมัยใหม่ (Smart Farmers) มาเป็นผู้จัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ โดยอาจปรับเป็นการทำธุรกิจที่ลงทุนร่วมกันระหว่างเกษตรกรเจ้าของที่ดินกับภาคเอกชน หรือให้เอกชนลงทุนโดยออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือ เครื่องจักร แนะนำวิธีการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ ขณะที่เกษตรกรยังเป็นเจ้าของที่ดิน จากนั้นให้สหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชนรวบรวมผลผลิตขายให้เอกชนหรือหาตลาดส่งขายเองหรือวางขายในระบบออนไลน์ เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถเชิญชวนภาคเอกชนมาตั้งโรงรวบรวบรวมผลผลิตหรือตั้งโรงงานแปรรูปเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิต
ทั้งนี้ให้มีการแบ่งปันผลประโยชน์ออกเป็น 3 ส่วนระหว่างเกษตรกรเจ้าของที่ดิน สหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชนที่มาร่วมลงทุนดำเนินการในกิจการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ให้เป็นไปตามหลักความเป็นธรรมภายใต้ พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560
“เป้าหมายของโครงการคือ การเพิ่มบทบาททั้งภาครัฐและเอกชนให้มีส่วนร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในการบริหารจัดการวิสาหกิจแปลงใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับรายได้เกษตรกร อีกทั้งพัฒนาระบบเกษตรกรรมให้มีศักยภาพ ทันต่อความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันในตลาดโลกได้” นายกฤษฏากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี