ห่วงแล้งลาม
องคมนตรีติดตามสถานการณ์
‘มท.1’ยันพร้อมรับมือ
ลั่นปีนี้น้ำน้อยแต่เอาอยู่
องคมนตรีหารือร่วมกับ บก.ปภ.ช. ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ปี 2562 พร้อมแนวทางแก้ปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ด้าน มท.1 ยอมรับปีนี้น้ำน้อย เพราะฝนตกน้อย แต่ยืนยันบริหารจัดการได้ เผยมี 2 จว.คือ ร้อยเอ็ด-ศรีสะเกษ ประกาศเขตประสบภัยแล้ง เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือแล้ว
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะองคมนตรี ประกอบด้วย นายพลากร สุวรรณรัฐ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา นายจรัลธาดา กรรณสูต พล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทพ นายอำพน กิตติอำพน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท และพล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง พร้อมพล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่โครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ เข้าร่วมรับฟังติดตามสถานการณ์และให้ข้อแนะนำเตรียมป้องกันและแก้ปัญหาภัยแล้ง ปี 2562 โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภ.ช.) นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรอง บก.ปภ.ช. นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงผู้บริหารดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์
องคมนตรีติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง
นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีกล่าวว่า วันนี้คณะองคมนตรีตั้งใจมาติดตามรับฟังสถานการณ์การพยากรณ์อากาศ การเตรียมช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมทั้งแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่
จากนั้นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยได้ชี้แจงสถานการณ์ภัยแล้งว่า ปัจจุบันมีจังหวัดที่ประกาศเขตให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีภัยแล้งแล้ว 2 จังหวัดคือ จ.ร้อยเอ็ดและศรีสะเกษ รวม 6 อำเภอ 8 ตำบล 57 หมู่บ้าน ซึ่งแนวทางแก้ปัญหานั้น รัฐบาลน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้แก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งคือ บูรณาการแก้ปัญหาของประชาชน ทั้งการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพให้เร็วที่สุด การวางแผนจัดการภัยและกำหนดแผนเผชิญเหตุให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่ และน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาใช้ตามความเหมาะสมของพื้นที่
มท.แจงแผนดูแลปชช.-ภาคเกษตร
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้งแต่ละจังหวัดนั้น มีการจัดทำแผนเผชิญเหตุภัยแล้งและประเมินความเสี่ยงภัยแล้งแล้ว นอกจากนี้ ยังตั้งศูนย์บัญชาการและใช้โครงสร้างระบบบัญชาการเหตุการณ์และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อความเป็นเอกภาพ ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์และประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบูรณาการอุปกรณ์เครื่องมือลงพื้นที่ตามแผนเผชิญเหตุ ที่ประชุมยังเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อเตรียมรับมือ พร้อมให้ขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ในส่วนภาคเกษตร กระทรวงเกษตรฯกำหนดแผนเพาะปลูก รณรงค์งดทำนาปรัง ปลูกพืชใช้น้ำน้อย ส่วนที่เป็นพืชสวนเป็นไม้ยืนต้น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งน้ำไปหล่อเลี้ยงไม่ให้ยืนต้นตายเด็ดขาด
รับปีนี้น้ำน้อยแต่รับมือไหว
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมโดยยอมรับว่า ปีนี้ปริมาณน้ำมีน้อย สาเหตุส่วนหนึ่งมาปริมาณฝนตกน้อย จึงบูรณาการกับทุกภาคส่วนบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้เพียงพอใช้ช่วงหน้าแล้งนี้ โดยเฉพาะน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและน้ำด้านการเกษตร ยืนยันว่า แม้ปริมาณน้ำจะน้อยแต่ยังรับมือและควบคุมได้ รวมทั้งการวางแผนบริหารจัดการน้ำต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563
อ.สังคมสาหัสขาดน้ำกว่า2เดือน
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มขยายวงกว้างหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จ.หนองคาย โดยเฉพาะหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่ตามภูสูง ในเขตต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย น้ำในลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้านทั้งลำห้วยฮวย ลำห้วยอืม และลำห้วยพร้าว เริ่มแห้งขอด ส่งผลให้ชาวบ้านเริ่มขาดน้ำอุปโภค บริโภค องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)นางิ้ว ต้องนำรถบรรทุกน้ำ 8,000 ลิตร จากประปาหมู่บ้านบ้านเทากลาง หมู่ 4 มาแจกให้ประชาชนในพื้นที่มากว่า 2 เดือนแล้ว จากเดิมที่ออกแจกจ่ายเป็นบางวัน เป็นการแจกจ่ายทั้งวันๆละ 4 เที่ยว เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของชาวบ้าน โดยเฉพาะบ้านนางิ้ว หมู่ 1 ที่มีพื้นที่อยู่บนภูสูงกว่าหมู่บ้านอื่นอีก 8 หมู่บ้าน คาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคของประชาชนปีนี้จะมีจำนวนมาก
เชียงรายระดมฉีดพ่นละอองน้ำ
ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ยังวิกฤติ อย่างที่จ.เชียงราย ซึ่งปริมาณฝุ่น PM 2.5ยังเกินมาตรฐานระดับสีแดง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพนั้น นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนช่วยกันรดน้ำต้นไม้ และฉีดน้ำล้างถนนพร้อมกันทั้งจังหวัด เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่น ที่เกินมาตรฐานกระทบสุขภาพต่อเนื่องมานับสัปดาห์ และเพิ่มความชื้นในอากาศ ให้เหมาะสมสำหรับการทำฝนหลวงต่อไป ซึ่งประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต่างพร้อมใจให้ความร่วมมือพ่นละอองน้ำ ล้างหน้าบ้าน ล้างถนนอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับคุณภาพอากาศที่ตรวจวัดโดยเครื่องตรวจคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบค่าฝุ่น PM 2.5 วัดได้ 159 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งมากกว่าค่าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพถึง 3 เท่า ส่วนฝุ่น PM 10 วัดได้ 207 มคก./ลบ.ม.
สธ.เฝ้าระวังเข้ม4กลุ่มเสี่ยงฝุ่นพิษ
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังประชุมทางไกลร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ กำชับเตรียมพร้อมด้านสาธารณสุขรับมือผลกระทบด้านสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 ว่า ขณะนี้เตรียมพร้อมทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือ หรือตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็กขึ้นมาในจังหวัดที่มีปัญหา เพื่อเฝ้าระวังเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่สีเหลือง สีส้ม สีแดงที่ต้องเฝ้าระวัง ในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก นอกจากนี้ ยังขยายคลินิกมลพิษจากเดิมที่มีแค่รพ.นพรัตน์ เท่านั้น ไปยังรพ.ในพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่นเพิ่มเติม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี