19 มี.ค.62 เดือดร้อนหนัก ชาวบ้าน 5 จังหวัด 34 ตำบล จำนวน 500 คน บุกยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ถึง พลเอก ประยุทธจันท์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ รอบที่ 3 ด้านตะวันตก จุดขึ้นลงผ่ากลางหมู่บ้าน โรงพยาบาล โรงเรียน ไร่ นา
โดยมีนายสาธิต สุทธิเสริม หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ออกมารับหนังสือร้องเรียนแทน แล้วกล่าวว่า หนังสือนี้รับรองว่าจะถึงมือท่านนายกรัฐมนตรีแน่นอน ทางเรารับเอกสารแล้วส่งต่อให้ท่านนายก อีกชุดส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมต่อไป แล้วทางคมนาคมก็จะเร่งรีบส่งไปที่อธิบดีกรมทางหลวงให้เอาเรื่องนี้พิจารณาต่อไปโดยเร่งด่วน
จากกรณีประชาชนหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 44 หมู่ที่ 1 ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม จำนวนกว่า 500 คน 405 หลังคาเรือน ที่ได้รับผลกระทบจะถูกเวนคืนที่ดินจากโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์) ระหว่างเมืองวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ รอบที่ 3 ตะวันตก เป็นมอเตอร์เวย์แบบปิดมีด่านเก็บเงิน แนวโครงการจะเริ่มตั้งแต่ถนนพระราม 2 ไปสิ้นสุด จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทางก่อสร้างจะยาว 98 กิโลเมตร บางจุดยกสูงลอยฟ้า บางจุดราบลงพื้นดิน ได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทตัวแทนสำนักงานแผนงาน กรมทางหลวง เพื่อหารือมาตรการป้องกันแก้ไข และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่หอประชุมพระอุบาลี ชั้น 2 โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา อ.สามพราน จ.นครปฐม
โดยในการประชุมประธานหมู่บ้าน และลูกบ้านก็ ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะเส้นทางที่มอเตอร์เวย์ผ่านเป็นแหล่งชุมชนจำนวนมาก โรงพยาบาล โรงงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย ฯลฯ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักที่มอเตอร์เวย์วิ่งผ่าน ทั้งนี้ อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาไปพิจารณาการออกแบบกันใหม่ เพราะมันกระทบกันหลายฝ่าย ถ้าโครงการนี้ไม่ยกเลิก หรือหาทางแก้ไขไม่ได้ประชาชนก็จะรวมตัวกันคัดค้านแบบนี้ตลอดไปตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น วันที่ 19 มีนาคม 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานนายกรัฐมนตรี แกนนำชาวบ้านทั้ง 34 ตำบล 10 อำเภอ 5 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร จ.นครปฐม จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยชาวบ้าน กว่า 500 คน เข้ายื่นเอกสารขอความเป็นธรรมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ รอบที่ 3 ด้านตะวันตก โดยมอเตอร์เวย์ทางขึ้น ลง ด่านเก็บเงินลงผ่ากลางหมู่บ้าน และผ่านโรงงาน โรงพยาบาล ไร่ นา สวน โดยประชาชนไม่รู้เรื่องจึงรวมตัวเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับพลเอกประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดยนายฉัตรชัย เทศนิยม ประธานหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 44 ในฐานะตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่า การที่เข้ามายื่นเอกสารขอความเป็นธรรมในครั้งนี้เนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 มี.ค.62 ที่ผ่านมาได้ไปออกรายการถ่ายทอดสดทางสถานีประชาชน ช่องไทยพีบีเอส ซึ่งในช่วงรายการที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษวงแหวนรอบที่ 3 ด้านตะวันตกเจ้าหน้าที่ของที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษวงแหวนรอบที่ 3 ด้านตะวันตกบริษัทที่ปรึกษาสำรวจได้ชี้แจงว่า พื้นที่จุดอ่อนไหวเราจะหลีกเลี่ยงเลยนะครับ เช่น วัด หมู่บ้าน โรงพยาบาล เราก็จะเปลี่ยนแนวทันที เพราะเราต้องมาทำความเข้าใจ ทางด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐศาสตร์
นายฉัตรชัย เปิดเผยต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาได้ชี้แจงออกรายการสด ประชาชนก็ได้ยินกันทั่วประเทศว่าจะต้องหลีกเลี่ยงหมู่บ้าน แล้วทำไมไม่หลีกเลี่ยงตามที่ได้พูดไว้ จึงไม่สบายใจเข้ายื่นเอกสารขอความเป็นธรรมอีกครั้ง ในเมื่อหมู่บ้านเป็นจุดที่อ่อนไหวมีประชาชนหลายร้อยหลังคาเรือนที่ต้องเดือดร้อนหนัก ทำไมถึงยังจะดื้อดึงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามที่ประชาชนคัดค้าน
ทางด้านนายกรีฑา เดชพิณ วิศวะกรโยธาชำนาญการพิเศษสำนักแผนงานกรมทางหลวง เปิดเผยว่า เป็นการวิเคราะห์จุดนี้เป็นจุดที่ดีที่สุดและเหมาะสมทั้งทางด้านจราจร จึงเลือกในจุดนี้ เมื่อมีการคัดค้านก็จะรับฟังความคิดเห็นมาพิจารณาเราก็ยังไม่ตัดสินว่าจะได้หรือไม่ได้ ต้องเปรียบเทียบให้ชัดเจนก่อนทุกทุกด้านทั้งสิ่งแวดล้อมก็เช่นกัน มีการเปรียบเทียบให้คะแนน และดูผลกระทบจากไหนได้บ้าง ขบวนการพิจารณาโดยที่ปรึกษานี่แหละกลับไปทำข้อมูลให้กับกรมทางหลวง ส่วนทางหลวงก็จะนำมาพิจารณาว่ามันเป็นไปได้ไหมแล้วลดผลกระทบอะไรได้บ้างให้กับประชาชน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูผลกระทบเป็นหลัก ต้องยอมรับกันทั้ง 2 ฝ่ายให้ได้ จะรู้ผลภายใน 19 เมษายน 2562
ทางด้านนายฉัตรชัย กล่าวว่า ทางบริษัทที่ปรึกษาไม่ได้พูดความจริงหมดทุกอย่าง ไม่สามารถตอบคำถามได้เวลาสอบถาม จะตอบได้อย่างเดียวว่าอยู่ในขั้นตอนการศึกษา ตอนแรกโครงการนี้จุดลงไม่ได้ลงตรงนี้ ขยับไปขยับมาจนลงกลางหมู่บ้านก็แปลกเพราะตอนแรกแบบโครงสร้างจะลงตรงฝั่งของห้าง มาล่าสุดผลออกมาดังที่เป็นข่าวลงกลางหมู่บ้านเลย
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า เป็นที่ข้องใจกับประชาชนจำนวนมากว่าทำไมไม่มีประชาพิจารณ์ แบบสอบถามให้ประชาชนรับทราบเลย ประชาชนที่โดน(มอเตอร์เวย์) ผ่านทุกหลังไม่เคยรู้ตัวมาก่อนมารู้ตัววันที่ไปประชุมกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มที่ 14 แล้วกลุ่มที่ 1 จนถึงกลุ่มที่ 13 ทำไมไม่เชิญเราประชุม และที่เจ้าหน้าที่บอกว่าเหมาะสมวัดกันที่คะแนนประเมิน แล้วใครเป็นผู้ประเมินก็ที่ปรึกษาคณะกรรมการที่แต่งตั้งมา ทำไมทางที่ปรึกษาไม่ลงพื้นที่ให้ประชาชนประเมินว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง แล้วเอาอะไรมาวัดว่าอนาคตจะไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เท่ากับหมู่บ้านผมต้องติดกับทาง ขึ้น ลง (มอเตอร์เวย์) ไหนจะเรื่องฝุ่น ควัน เสียงรถ ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน แล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบกับประชาชนที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ อยากจะถามผู้ออกแบบว่าท่านเอาทาง ขึ้น ลง ผ่ากลางหมู่บ้านแบบนี้ “ท่านเอาสมองส่วนไหนคิด ถ้าเป็นบ้านท่านท่านจะรู้สึกอย่างไร”นี่เป็นความรู้สึกหดหู่ใจไปตลอดชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี