อุตุฯออกประกาศเตือน
ลูกเห็บ-ฟ้าผ่า
มากับพายุฤดูร้อนถึง27มี.ค.
9จังหวัดเหนือฝุ่นยังวิกฤติ
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนอันตรายจากพายุฤดูร้อน ที่ยังลุ้นฟาดหางถึง 27 มีนาคมนี้ ระบุ บางพื้นที่มีลูกเห็บตกและฟ้าผ่า ขณะที่ 9 จังหวัดภาคเหนือยังไม่พ้นวิกฤติฝุ่นพิษ ปภ.ประสานจังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์ ส่วนเชียงรายคุมเข้มสกัดลักลอบเผาป่า เจ้าหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านทำงานข้ามคืน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 มีนาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง“พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23-27 มีนาคม 2562)” ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2562 ในช่วงวันที่ 23-27 มีนาคม 2562 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่า โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคกลางและภาคเหนือ จะได้รับผลกระทบในวันถัดไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับผลกระทบตามภาคต่างๆ มีดังนี้
วันที่ 23 มีนาคม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์, ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และตราด
วันที่ 24 มีนาคม ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์, ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี, ภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
ในช่วงวันที่ 25-27 มีนาคม ภาคเหนือ จ.อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร และกำแพงเพชร, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์, ภาคกลาง จ.ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล, ภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ค่าฝุ่นแม่ฮ่องสอนกระทบสุขภาพ
เวลา 10.00 น.กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ต.จองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 174 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์(มคก./ลบ.ม.) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 190 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ
จุดความร้อนประจำวันที่ 23 มีนาคม 2562 จากดาวเทียมระบบเวียร์ เวลา 01.24 น. พบจุดความร้อน 162 จุด ได้แก่ อ.ปางมะผ้า 17 จุด, อ.ปาย 14 จุด, อ.เมือง 56 จุด, อ.ขุนยวม 21 จุด, อ.แม่ลาน้อย 12 จุด, อ.แม่สะเรียง 40 จุด และ อ.สบเมย 2 จุด
นายสุนทร กันทะมาลา นักอุตุนิยมวิทยาปฏิบัติการ สถานีอุตุนิยมวิทยาแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ค่าทัศนวิสัย เวลา 07.00 น. -1500 เมตร+หมอกควัน, เวลา 08.00 น. -1500 เมตร +หมอกควัน, เวลา 09.00 น. - 1300 เมตร +หมอกควัน แนวโน้มลดลง เนื่องจากหมอกควันเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ และภาคเหนือมีลมอ่อนพัดปกคลุมอากาศไม่ยกตัวทำให้ควันไฟป่าสะสมมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อการบินของอากาศยานทุกชนิด
ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน รายงานผลการยกเลิกเที่ยวบิน ตั้งแต่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 22 มีนาคม ได้มีการยกเลิกเที่ยวบิน จำนวน 36 เที่ยวบิน ล่าช้า 8 เที่ยวบิน แยกเป็นสายการบินนกแอร์ ยกเลิก 4 เที่ยวบิน ล่าช้า 6 เที่ยวบิน และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ยกเลิก 30 เที่ยวบิน ล่าช้า 2 เที่ยวบิน
9จว.ภาคเหนืออ่วมฝุ่นพิษต่อเนื่อง
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 เวลา 05.00 น. พบว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 รวม 9 จังหวัด ได้แก่
เชียงราย (ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย) เชียงใหม่ (ต.ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม) ลำปาง (ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ต.บ้านดง ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ) ลำพูน (ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน) แม่ฮ่องสอน (ต.จองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน) น่าน (ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ) แพร่ (ต.นาจักร อ.เมืองแพร่) พะเยา (ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา) ตาก (ต.แม่ปะ อ.แม่สอด) โดยสถานการณ์ในภาพรวมมีค่า PM2.5 ระหว่าง 59–198 มคก./ลบ.ม. ค่า PM10 ระหว่าง 84–246 มคก./ลบ.ม.) และ AQI มีค่าระหว่าง 123-308 ซึ่งคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีแดง) และระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีส้ม)
โดย จ.เชียงราย พื้นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ค่า PM2.5 อยู่ที่ 198 มคก./ลบ.ม. ค่า PM10 อยู่ที่ 246 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI 308
ปภ.ประสานเฝ้าระวังสถานการณ์
ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัด เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการระดมเครื่องจักรกลสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ รวมถึงประสานการปฏิบัติป้องกันและควบคุมปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง และได้ประสานจังหวัดดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด ในส่วนของพื้นที่เกษตรกรรมได้กำหนดช่วงเวลาและประกาศเขตห้ามเผา รณรงค์การไถกลบแทนการเผา และได้ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
เชียงรายยังวิกฤติ เหตุลอบเผาป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า สถานการณ์การเกิดไฟไหม้จนเกิดจุดความร้อนหรือฮอตสปอตที่ตรวจวัดได้จากดาวเทียม ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.เชียงราย แม้ว่าทางนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย จะสั่งการให้ทุกฝ่ายเข้มงวดปฏิบัติตามประกาศมาตรการห้ามเผาทุกชนิดไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่นละอองในอากาศหนาแน่น โดยพบว่าช่วงเช้ามืดก็เกิดฮอตสปอตในพื้นที่มากถึง 91 จุด โดยกระจายไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะเขต อ.เมืองเชียงราย อ.แม่สรวย อ.พาน อ.เทิง ที่เกิดขึ้นในท้องที่เดียวกันแต่หลายครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนด้วยการจัดเวรยามเฝ้าระวัง โดยกลางดึกที่ผ่านมา พบมีการลักลอบเผาบ่อขยะในพื้นที่ ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย 1 จุดและลักลอบเผาป่าอีก 2 จุด ทำให้นายกิตติ ชันดรุณ นายอำเภอแม่สรวย มีการระดมกำลังทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ป่าไม้ อาสาสมัครไฟป่า ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน และชาวบ้าน พากันไปดับไฟตลอดทั้งคืนจนสงบ
ตั้งจุดสกัดไฟป่าหลายจุด
นายสงัด บูรณภัทรโชติ นายอำเภอป่าแดด จัดชุดปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าระวังไฟป่า 5 ตำบล 6 จุด ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดลาดตระเวนพื้นที่ อ.ป่าแดด 5 ตำบล 6 จุด เช่นเดียวกับนายอนันต์ สมุทรารินทร์ นายอำเภอเวียงป่าเป้า ให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนและอยู่เวรยามรวมถึงทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันกลุ่มคนเข้าไปลักลอบเผาตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากเกิดไฟไหม้พื้นที่บ้านห้วยผาตูบ บ้านห้วยจั้กค่าน บ้านฉางเขียว (แม่ฉางข้าว) หมู่ 10 ต.ป่างิ้ว จนเจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องออกมาดับไฟกันจ้าละหวั่นเพราะเกรงว่าจะลุกลามจนควบคุมเพลิงเอาไว้ได้แต่ก็มีพื้นที่เสียหายประมาณ 12 ไร่
ทางด้านหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้แม่ลาว (หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชร.5 ดอยช้าง) ร่วมชุดปฏิบัติการสายฟ้า,ไฟป่าอุทยานฯ ลำน้ำกก เข้าร่วมระงับควบคุมไฟป่าบ้านห้วยส้านพลับพลา หมู่ 5 ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว มีพื้นที่เสียหายประมาณ 30 ไร่ ชุดเดียวกันยังได้ร่วมกับ อบต.แม่กรณ์ ทหาร ไฟป่าลำน้ำกก ชาวบ้านใหม่ หมู่ที่ 8 ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย เข้าร่วมระงับควบคุมไฟป่าเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
ทั้งนี้ สถานีควบคุมไฟป่าขุนแจ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) นำโดย นายกมลไชย คชชา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) นายปรีชา ทองคำเอี่ยม ผอ.ส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า ตรวจติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ณ จุดสกัดเฝ้าระวังไฟป่าบ้านห้วยชมพู หมู่ 11 ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จัดตั้งจุดสกัดเฝ้าระวังไฟป่าบริเวณหมู่บ้านห้วยป่าครั่ง หมู่ 14 ต.แม่เจดีย์ใหม่ ดับไฟพื้นที่ไร่ทำการเกษตรทางทิศตะวันตกของบ้านทุ่งยาว หมู่ 7 ต.แม่เจดีย์ พื้นที่เสียหายประมาณ 8 ไร่
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษตรวจวัดคุณภาพอากาศพบว่าปริมาณฝุ่นละอองกลับมาหนาแน่นอีกครั้งหลังจากเบาบางไปได้เพียง 1-2 วัน โดยที่ชายแดน อ.แม่สาย พบค่าฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือพีเอ็ม 2.5 ว่ามีปริมาณ 209 มคก./ลบ.ม. และฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนหรือพีเอ็ม 10 ว่ามีปริมาณ 261 มคก./ลบ.ม. ส่วนเขต อ.เมืองเชียงราย มีค่าพีเอ็ม 2.5 ในปริมาณ 130 มคก./ลบ.ม. และค่าพีเอ็ม 10 ในปริมาณ 154 มคก./ลบ.ม.
ร่วมทำแนวป้องไฟป่าห้วยขาแข้ง
เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่อนุรักษ์เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อน.8 (กม. ทหารจากค่ายจิรประวัติ ร.4 พัน 2 ชุดรักษาความสงบ อ.ลานสัก เด็กนักเรียน คณะกรรมป่าชุมชน ชาวบ้านหมู่ 10 บ้านไผ่งาม ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี กว่า 70 คนร่วมใจกันกันทำแนวป้องกันไฟป่าที่กำลังจะมาถึง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกล่ามไปรบกวนสัตว์ป่า และต้นไม้เบญจพรรณ บนแนวเขตป่าชุมชนบ้านไผ่งามติดกับเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ระยะทาง 10 กม. พร้อมกับทำแนวกันไฟให้กับวัดไผ่งาม ไม่ให้ป่าลุกล่ามเข้าไปในสภาพป่าที่มีใบไผ่ และใบไม้นานาชนิดตกอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยในสภาพปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก การเกิดไฟป่าส่วนใหญ่มักเกิดจากมนุษย์ มากกว่าที่เกิดจากธรรมชาติ เช่นการเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ หรือการเผาป่าเพื่อเก็บหาของป่า ซึ่งหากไฟป่าเกิดขึ้นในพื้นที่ ที่มีวัสดุเชื้อสะสมอยู่มากพื้นที่เหล่านั้นก็อาจจะเกิดไฟป่ารุนแรง และยากต่อการเข้าดับไฟ จึงกำหนดให้มีกิจกรรมทำแนวป้องกันไฟป่า ดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี